ธุรกิจตลาดน้ำเมาของไทยแข่งขันกันดุเดือด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเบียร์ที่มีสองขาใหญ่ครองส่วนแบ่ง "ตลาดเบียร์ไทย" สูงถึง 95% ของปริมาณยอดขายทั้งหมดในประเทศ นั่นคือค่าย"บุญรอดบริวเวอรี่" เจ้าของเบียร์ สิงห์ และลีโอ ส่วนอีกเจ้า คือ "ไทยเบฟเวอเรจ" เจ้าของเบียร์ ช้าง อาชา และ เฟดเดอร์บรอย
ล่าสุดตลาดเบียร์ไทย กำลังจะมีคู่แข่งเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งในตลาดเบียร์มูลค่ากว่า 2.6 แสนล้านบาทเพิ่มอีกราย หลังบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” ประกาศเตรียมเปิดตัวเบียร์ยี่ห้อตัวเอง หลังทุ่มเงินไปกว่า 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตที่จังหวัดชัยนาท
“เสถียร เสถียรธรรมะ” ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คาราบาวกรุ๊ป ระบุว่า โรงงานผลิตเบียร์ของคาราบาวที่จังหวัดชัยนาท มีกำลังการผลิตสูงถึง 400 ล้านลิตรต่อปี มีแผนเปิดเปิดตัวและวางขายประมาณไตรมาส 4 ปี 2566 นี้ ซึ่งจะผลิตออกมาประมาณ 2-3 รสชาติ
ปฎิเสธไม่ได้ว่าการกระโจนเข้ามาชิงส่วนแบ่งธุรกิจเบียร์ของคาราบาวกรุ๊ปครั้งนี้มีความท้าทายอย่างมาก เพราะต้องชนกับ 2 ผู้เล่นรายใหญ่คือ “สิงห์” ค่ายบุญรอดบริวเวอรี่ ของตระกูล"ภิรมย์ภักดี" นอกจากนี้ยังต้องชนกับ”ช้าง” ของกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ อาณาจักรน้ำเมาของ เจ้าสัว"เจริญ สิริวัฒนภักดี"
นายเสถียรอธิบายเหตุผลของการทำตลาดเบียร์ว่า ไม่ใช่การเข้ามาแข่งขันกับรายใด แต่บริษัทมองเห็นโอกาสทางการตลาดเป็นปัจจัยสำคัญ การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาของกลุ่มคาราบาวแดงไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง ก็ต้องต่อสู้กับเจ้าตลาดทั้ง เอ็ม-150 กระทิงแดง ที่ยืนหยัดเป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับธุรกิจค้าปลีกที่มองเห็นศักยภาพการเติบโตได้ทั้งสิ้น
“ไม่คิดจะแข่งกับใคร ตอนทำเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงยังหาเงินทุนอยู่เลย แต่การจะรุกตลาดไหน มองโอกาสเป็นหลัก หากคิดว่าต้องแข่งขันอาจกลัวคู่แข่งก่อน”
เหตุผลของการทำตลาดเบียร์ เพราะต้องการทลายข้อจำกัดในการเติบโตธุรกิจสุรา ทั้งสุราสี วิสกี้ โซจู เป็นต้น ซึ่งช่องทางจำหน่ายหลักคือร้านอาหาร ผับ บาร์ สถานบันเทิงต่าง หรือออนพรีมีส
“เป็นไฟต์บังคับให้เราทำเบียร์ หลังจากทำเหล้าแล้ว เรารู้สึกว่าโอกาสเติบโตยาก เพราะต้องยอมรับว่าเหล้าสี วิสกี้ โซจู ไม่ว่าจะเป็นเทนโดะ กาแลคซี แทยัง ฯ ที่เรามี ต้องขายในร้านอาหาร ผับ บาร์ฯ มาสุด แต่ช่องทางออนพรีมีสดังกล่าว เน้นขายเบียร์มากกว่า เราจึงต้องหาทางสร้างอำนาจต่อรอง”
วัดช่วงชกเบียร์ช้าง-สิงห์-คาราบาวแดง
หากดูจากการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2665 ของนิตยสาร Forbes ต้องยอมรับว่าความมั่งคั่งของ “เสถียรธรรมะ”มหาเศรษฐีอันดับ 24 ของไทย สินทรัพย์รวม 5.28 หมื่นล้านบาท ยังเป็นรอง เจ้าสัว"เจริญ สิริวัฒนภักดี” มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของไทย สินทรัพย์รวม 3.94 แสนล้านบาท และ "สันติ ภิรมย์ภักดี" มหาเศรษฐีอันดับ 15 ของไทย สินทรัพย์รวม 7.04 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานของคาราบาวกรุ๊ปทั้งรายได้และกำไรก็ยังเป็นรองกลุ่มไทยเบฟเวอเรจและบุญรอดบริวเวอรี่
โดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) รายงานงบการเงินในปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 507,789 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย ตุลาคม 2564-กันยายน 2565 จำนวน 2.72 แสนล้านบาท กำไรสุทธิ 34,505 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากธุรกิจเบียร์ 45% หรือ 122,489 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,799 ล้านบาท
ส่วนบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จากข้อมูลงบการเงินนำส่งปี 2564 พบว่า มีสินทรัพย์รวม 52,969 ล้านบาท หนี้สินรวม 21,990 ล้านบาท รายได้รวม 10,645 ล้านบาท รายจ่ายรวม 5,326 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการเป็นกำไร 5,127 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.67%
นอกจากนี้บุญรอดบริวเวอรี่ยังมีบริษัทผลิตในเครือที่ทำธุรกิจเบียร์ อีก 4 แห่ง มีรายได้รวมกว่า 78,634.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,825.2 ล้านบาท ดังนี้
ส่วนงบการเงินและผลการดำเนินงานของคาราบาวกรุ๊ปในช่วง 9 เดือนปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 19,935 ล้านบาท รายได้รวม 14,725 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,878 ล้านบาท
ต้องจับตาดูว่าคาราบาวแดงจะใช้กลยุทธ์อะไรมาเจาะตลาดชิงส่วนแบ่งจาก 2 ค่ายยักษ์อย่างเบียร์สิงห์ และเบียร์ช้าง