กว่า 4 ปีก่อน ที่สตีเบล เอลทรอน ประเทศไทย ได้ประกาศการเป็นองค์กรผู้ผลิต Sustainable Products ใช้โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยสตีเบล เอลทรอน ให้ความสำคัญอย่างมากกับการดูแลพนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 600 คน
“โรลันด์ เฮิน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ปี 2566 สตีเบล เอลทรอนวางกลยุทธ์ต่อยอดการเป็นองค์กรยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ Sustainable Products อาทิ เครื่องระบายอากาศ และฮีทปั๊ม และยังมีแผนพัมนานวัตกรรม Sustainable Products อีกมาก หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเต็มที่ ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีนโยบายลดการใช้พลาสติกในโรงงาน รณรงค์การใช้กล่องข้าวและกระบอกน้ำ รวมทั้งการบริหารต้นทุนด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยังนำเครื่องกรองน้ำที่ผลิตตกมาตรฐาน เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติก ขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ เช่น ถังขยะ เครื่องกรองน้ำขนาดเล็ก เพื่อให้เกิดการใช้พลาสติกอย่างคุ้มค่ามากที่สุด นอกจากนี้ ยังสนับสนุนนโยบายลดการปล่อยคาร์บอน (Net Zero) เพื่อทำให้โรงงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จากเป้าหมายการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน บุคลากรขององค์กร ก็ต้องได้รับการดูแลและเอาใจใส่เต็มที่ “ยุพา ทัศศรี” ผู้จัดการทั่วไปบริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด กล่าวว่า บุคลากรคือสินทรัพย์ขององค์กรที่บริษัทให้ความสำคัญระดับต้นๆ ดังนั้น จึงมีการจัดสวัสดิการต่างๆ เช่น รถตู้รับส่งพนักงาน การให้ความช่วยเหลือ เมื่อพนักงานประสบความลำบาก อาทิ ในช่วงน้ำท่วม หรือโควิด และยังมีอินเซนทีฟสำหรับพนักงานที่อยู่ครบ 5 ปี, 10 ปี, 15 ปี จะได้รับโบนัส 5,000, 10,000 และ 30,000 บาท โดยช่วงที่บริษัทประสบกับปัญหาวิกฤตต่างๆ ก็ไม่เคยปลดพนักงานหรือลดเงินเดือน
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่สร้างความผูกพันระหว่างพนักงานและองค์กร คือ การรับฟังเสียงของพนักงาน พร้อมทั้งให้โอกาสในการเติบโต มีการจัดเทรนนิ่ง อบรมทักษะใหม่ๆ ที่พนักงานสามารถเลือกเรียนเองได้ หรือหากต้องการพัฒนาตัวเองในด้านไหน ก็สามารถปรึกษาหัวหน้างาน เพื่อขอให้บริษัทส่งไปฝึกอบรมเพิ่มเติมได้เช่นกัน
สตีเบล เอลทรอน ยังให้ความสำคัญกับความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เพศ เชื้อชาติ สีผิว และเปิดรับคนพิการเข้ามาทำงาน โดยจัดสรรให้ทำงานตามความสามารถ เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมในการสร้างรายได้ให้กับคนกลุ่มนี้
“โรลันด์” กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายการทำงานแบบไฮบริด โดยให้พนักงานเลือกเข้าทำงานออฟฟิศสัปดาห์ละ 2-3 วัน ส่วนวันอื่นสามารถทงานที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ ตามความเหมาะสม ซึ่งถือเป็นนโยบายถาวรแม้โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำฤดูกาลไปแล้วก็ตาม เพราะที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ถึงศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่ไ่ด้ลดลงแล้ว ซึ่งการทำงานลักษณะนี้ ต้องอาศัยความเชื่อใจ ความซื่อสัตย์ ของพนักงานและผู้บริหารที่ต้องมีให้กันและกัน จึงจะทำให้การทำงานเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากแนวทางในการผูกใจพนักงาน ทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และมีความผูกพันกับองค์กร นั่นคือ ที่มาที่ทำให้ บริษัท สตีเบล เอลทรอน สามารถสร้างยอดขายเติบโตจาก 60-70 ล้านบาท เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ขยับเพิ่มมากเป็น 1,000 ล้านบาท ในปีผ่านมา แม้จะเจอกับสถานการณ์โควิด -19 และภาวะผันผวนของเศรษฐกิจ โดยเครื่องทำน้ำอุ่น มีสัดส่วนยอดขายมากถึง 70% ของสินค้าทั้ง 6 กลุ่ม
หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,862 วันที่ 16 - 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566