นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ รองประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า(กขค.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กขค.พิจารณาคำขออนุญาตรวมธุรกิจระหว่างบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เห็นว่าการรวมธุรกิจดังกล่าวมีความจำเป็นตามควรทางธุรกิจและเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์สำคัญอันควรมี ควรได้ของผู้บริโภคส่วนรวม แต่อาจกระทบต่อตลาดน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จึงเห็นควรอนุญาตให้รวมธุรกิจ โดยกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขประกอบการอนุญาตให้รวมธุรกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจ
โดยหลังจากที่กขค.ส่งหนังสือรายงานผลการรวมธุรกิจต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จด้วย และในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งได้รับแจ้งคำสั่งของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ซึ่งทางกขค.ได้ส่งหนังสือดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ตั้งแต่กลางเดือนก.ค.เพื่อให้บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่นรับทราบเงื่อนไขหรือคัดค้านสามารถฟ้องศาลปกครองตามระยะเวลาที่กขค.เสนอไปนั้น
ปรากฏว่าทางบางจาก คอร์ปอเรชั่นไม่ได้ตอบรับกลับมาแสดงว่าทางบางจาก คอร์ปอเรชั่นยอมรับในเงื่อนไขที่ทางกขค.เสนอไป ซึ่งในส่วนของกขค.ถือว่าสิ้นสุดแล้ว และเห็นว่าขั้นตอนจากนี้บางจาก คอร์ปอเรชั่นเองมีการประกาศการควบรวม แจ้งตลาดหลักทรัพย์การโอนย้ายหุ้นตามขั้นตอนของตลาดหลักทรัพย์ก็ถือว่าจบในเคสนี้ที่กขค.พิจารณา
อย่างไรก็ตามกขค.ได้พิจารณาว่าเห็นว่าการรวมธุรกิจดังกล่าวมีความจำเป็นตามควรทางธุรกิจและเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์สำคัญอันควรมี ควรได้ของผู้บริโภคส่วนรวม แต่อาจกระทบต่อตลาดน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จึงเห็นควรอนุญาตให้รวมธุรกิจ โดยกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขประกอบการอนุญาตให้รวมธุรกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจ
โดยกำหนดเงื่อนไข 6 ข้อ ให้ปฏิบัติได้แก่
1. ห้ามมิให้บางจากเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานภาครัฐ เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
2. ให้บางจากจัดซื้อน้ำมันดิบจากคู่ค้ารายใดรายหนึ่งไม่เกินกว่า 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันดิบจากรายใดรายหนึ่งมากเกินไป ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความมั่นคงทางพลังงาน เว้นแต่เป็นการจัดซื้อน้ำมันดิบจากผู้ประกอบธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออำนาจสั่งการของบางจาก และให้รายงานผลการจัดซื้อน้ำมันดิบของปีที่ผ่านมาต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ภายในไตรมาสแรกของปีถัดไป
3. ให้บางจากคงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงระหว่างลูกค้าในตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ได้ทำไว้กับเอสโซ่ จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาตามเงื่อนไขในสัญญาเดิม ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลง ต้องได้รับความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้าในตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมรายนั้นด้วย
4. ให้บางจากคงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงระหว่างผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการภายนอกของแบรนด์ ESSO ที่ได้ทำไว้กับเอสโซ่ จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาตามเงื่อนไขในสัญญาเดิม หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลง ต้องได้รับความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการภายนอกของแบรนด์ ESSO รายนั้นด้วย กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการภายนอกของแบรนด์ ESSO มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ว่าได้รับผลกระทบจากการรวมธุรกิจระหว่างบางจาก กับเอสโซ่ สามารถใช้เป็นเหตุผลในการบอกเลิกสัญญาได้ โดยต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ
5. ให้บางจากจัดทำแผนการพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและธุรกิจพลังงานสีเขียว โดยต้องดำเนินโครงการไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมา และต้องมีงบประมาณในการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมพลังงานสีเขียวและการจัดการสิ่งแวดล้อมไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมา ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เพื่อรักษาระดับการพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม อันเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันด้านนวัตกรรมและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค พร้อมทั้งจัดทำแนวทางปฏิบัติ กรอบเวลาดำเนินการ ตัวชี้วัด และให้ปฏิบัติตามแผนการดังกล่าว โดยให้จัดทำแผนการดำเนินงานเสนอต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ และรายงานผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมาต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าภายในไตรมาสแรกของปีถัดไป
6. ให้บางจากจัดทำแผนการส่งผ่านประโยชน์ที่ได้รับจากการรวมธุรกิจไปสู่ผู้บริโภคและสังคม โดยต้องดำเนินโครงการไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมาต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เพื่อเป็นหลักประกันการส่งผ่านประโยชน์ไปยังผู้บริโภคและสังคม ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วย พร้อมทั้งจัดทำแนวทางปฏิบัติ กรอบเวลาดำเนินการ ตัวชี้วัด และให้ปฏิบัติตามแผนการดังกล่าว โดยให้จัดทำแผนการดำเนินงานเสนอต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ และรายงานผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมาต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าภายในไตรมาสแรกของปีถัดไป