โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ “แลนด์บริดจ์” โครงการลงทุนขนาดใหญ่วงเงิน 1,001,206.47 ล้านบาท เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประตูและทางเชื่อมโครงข่ายคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาค เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
ตามไทม์ไลน์รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ความเห็นชอบโครงการ การพัฒนาโครงการ “แลนด์บริดจ์” เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาแล้ว หลังจากนี้จะมีการรับฟังความเห็นจากนักลงทุนต่างประเทศ จัดทำกฎหมายและจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายและสำนักงานนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC)
จากนั้นจะมีการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน และจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน ก่อสร้างโครงการ โดยตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการ ในเดือนตุลาคม 2573 ดังนี้
ไทม์ไลน์ โครงการ “แลนด์บริดจ์” 2566-2573
รูปแบบการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership หรือ PPP) ซึ่งเป็นการให้สิทธิแก่เอกชนลงทุนในการก่อสร้างและการบริหารจัดการ เป็นระยะเวลา 50 ปี
โดยกำหนดให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนโครงการทั้งโครงการ ประกอบด้วย ท่าเรือ ทางรถไฟ ขนาด 1.435 เมตร และมอเตอร์เวย์ รวมถึงการพัฒนาพื้นที่หลังท่า
ขณะที่ภาครัฐทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเวนคืนที่ดิน ลงทุนทางรถไฟขนาด 1.0 เมตร และกำหนดสิทธิประโยชน์ให้กับเอกชนผู้ร่วมลงทุนในโครงการ และกำหนดสิทธิประโยชน์ให้เอกชนผู้ร่วมลงทุนในโครงการ โดยแบ่งการลงทุนเป็นระยะ ดังนี้
การลงทุนท่าเรือฝั่งระนอง 3 ระยะ
การลงทุนท่าเรือฝั่งชุมพร 4 ระยะ
ระยะที่ 1 522,844.08 ล้านบาท ประกอบด้วย
ระยะที่ 2 จำนวน 164,671.83 ล้านบาท ประกอบด้วย
ระยะที่ 3 จำนวน 228,512.79 ล้านบาท ประกอบด้วย
ระยะที่ 4 จำนวน 85,177.77 ล้านบาท ประกอบด้วย