เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด (บลกท.) ได้ออกประกาศเลิกจ้างพนักงานยกบริษัท จำนวน 382 คน เนื่องจากประสบภาวะขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ ของบริษัทผู้ผลิตเหล็กแท่ง(Billet) และจำหน่ายเหล็กรายใหญ่ของไทย ในจังหวัดสมุทรปราการ อายุกว่า 59 ปี
อุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทย ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมพื้นฐาน เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เป็น จํานวนมาก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ อาหารกระป๋อง(บรรจุภัณฑ์) เครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมก่อสร้าง ฯลฯ แต่สถานการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจเหล็กไทยจำนวนหนึ่ง กลับไม่สามารถทำกำไรได้
รวมทั้งสิ้น 4.04 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 3.6 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน(YoY) โดยแบ่งแป็น
มีปริมาณอยู่ที่ 1.64 ล้านตัน ขยายตัว ร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งแป็น
ยอดการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็ก Q3/66
ปริมาณการนำเข้าอยู่ที่ 3.53 ล้านตัน หดตัว ร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน จำแนกได้ดังนี้
โดยเป็นเหล็กทรงยาว 0.69 ล้านตัน (+5.1%YoY) และเหล็กทรงแบน 2.1 ล้านตัน(-2% YoY) สินค้าที่มีการนำเข้ามากที่สุดได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบ (Coated steel) เหล็กแผ่นรีดร้อน (HR sheet/Coil) และเหล็กแผ่นรีดเย็น (CR sheet)
ปริมาณการส่งออกรวมทั้งหมดอยู่ที่ 0.56 ล้านตัน หดตัว ร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำแนกได้ดังนี้
โดยสินค้าที่มีการส่งออกมากที่สุดได้แก่ เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (Bar & HR section) รองลงมาคือท่อเหล็กมีตะเข็บ (Welded pipe) และเหล็กแผ่นรีดเย็น (CR sheet)
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมเหล็กขั้นกลาง และขั้นปลาย โดยไม่มี อุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้น(การถลุงเหล็ก) แม้ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามส่งเสริมให้ก่อตั้งกิจการมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีนโยบายส่งเสริมให้ก่อตั้งอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นน้ำจากสินแร่เหล็ก และส่งเสริมให้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ก่อสร้างเตาถลุงเหล็กขนาดเล็กแบบใช้ถ่านไม้เป็นเชื้อเพลิง แต่ท้ายที่สุดต้องปิดตัวลงเนื่องจากกิจการมีขนาดเล็กมาก ทำให้มีต้นทุนในการผลิตสูง จึงไม่สามารถแข่งขันกับเหล็กที่นำเข้าจากต่างประเทศได้