ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในทบทวนหลักเกณฑ์เรื่องอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดหรือค่าความคลาดเคลื่อนของหัวจ่ายสถานีบริการน้ำมัน โดยให้ปรับลดค่าความคลาดเคลื่อนลงเพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงและเป็นธรรมกับประชาชนผู้รับบริการสถานีบริการน้ำมันมากขึ้น
ซึ่งกรมฯ ได้หารือรับฟังความเห็นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดชนิดและลักษณะของมาตรวัด ปริมาตรของเหลว รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรอง (ฉบับที่ 2)
โดยปรับแก้หลักเกณฑ์ 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การปรับลดค่าความคลาดเคลื่อนลง ในการตรวจสอบให้คำรับรองหัวจ่ายน้ำมันและการต่ออายุคำรับรอง จากไม่เกิน ±0.5% เป็นไม่เกิน ±0.3% และในการตรวจสอบระหว่างการใช้งาน จากไม่เกิน ±1% เป็นไม่เกิน ±0.5%
และส่วนที่สอง คือ การปรับอายุคำรับรอง จาก 2 ปี เป็น 1 ปี ซึ่งเป็นการเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบให้มากขึ้น โอกาสที่จะเกิดความคลาดเคลื่อนก็จะลดลงไปด้วย
ขณะเดียวกันประกาศฉบับนี้อยู่ในขั้นตอนการส่งไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องรับทราบโดยทั่วกันและมีผลใช้บังคับต่อไป
อีกทั้ง นายภูมิธรรม เวชชยชัย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งพาณิชย์จังหวัด และข้าราชการในสังกัดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นกำลังเสริมอีกส่วนหนึ่งในการตรวจสอบหัวจ่ายสถานีบริการน้ำมัน นอกเหนือจากการตรวจสอบของสำนักงานสาขาชั่งตวงวัด จำนวน 32 แห่ง ในส่วนภูมิภาค
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา (วันที่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน) มีการตรวจสอบหัวจ่ายสถานีบริการน้ำมันแล้ว 2,231 สถานี 34,907 หัวจ่าย พบว่าถูกต้อง 2,217 สถานี 34,885 หัวจ่าย และพบว่าผิด 14 สถานี 22 หัวจ่าย แบ่งเป็น
การใช้หัวจ่ายน้ำมันที่ไม่มีคำรับรอง/คำรับรองสิ้นอายุ และการจ่ายน้ำมันคลาดเคลื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการดัดแปลงหัวจ่ายน้ำมันหรือเครื่องชั่งตวงวัดใดๆ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท