นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.กำลังหาทางส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวด้วยการขับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปเที่ยวยังเมืองรอง โดยจะบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการการท่องเที่ยวประจำปี 2568 หลังจากเห็นกระแสการซื้อรถยนต์ EV ในประเทศกำลังมาแรง และน่าจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าจะเติบโตอีกมากในระยะเวลาอันใกล้นี้
“ททท.เห็นโอกาสเรื่องรถยนต์ EV ที่กำลังเติบโตขึ้นในปี 2567 นี้ หลังจากรัฐบาลมีมาตรการอุดหนุนให้คันละ 1 แสนบาทและพฤติกรรมของคนมีรถไฟฟ้านั้นด้วยค่าไฟฟ้าที่ราคาถูกมาก เมื่อชาร์จเต็มแล้วจะขับรถออกไปยังที่ต่าง ๆ โดยตอนนี้วิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร สถานีชาร์จมีมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่จะเกิดเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวด้วยการขับรถยนต์ EV มากขึ้น” นางสาวสมฤดี กล่าว
สำหรับแนวทางการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวเมืองรองด้วยรถยนต์ EV นั้น ปัจจุบันยังมีสิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันเร่งหาทางส่งเสริม เช่น การพัฒนาถนนให้มีมาตรฐาน เพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ EV ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และทำถนนในเมืองรองให้เรียบที่สุด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่อาจทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ได้รับความเสียหาย
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังควรเร่งการพัฒนาคนรุ่นใหม่เป็นช่างซ่อมบำรุงรถยนต์ EV มากขึ้น หรือมีมาตรการสนับสนุนการเปิดอู่ซ่อมรถยนต์ EV เป็นการเฉพาะในหลาย ๆ พื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวรอง ซึ่งหากทำได้นอกจากจะช่วยส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ด้วย
นางสาวสมฤดี ยอมรับว่า ปัจจุบันยอดการซื้อรถยนต์ EV กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากเร่งวางแผนรองรับการเดินทางท่องเที่ยวทั้ง พัฒนาถนน และพัฒนาอาชีพช่างซ่อมบำรุงขึ้นมาควบคู่กัน จะทำให้เกิดโอกาสกับประเทศไทยในการสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไปได้อีกช่องทางหนึ่ง
ที่ผ่านมาในการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ EV นั้น ททท.ได้เริ่มต้นดำเนินการมาแล้วหลายปี แต่ได้จัดกลุ่มเอาไว้เฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ โดยเริ่มต้นตั้งแต่เส้นทางท่องเที่ยวภาคกลาง และในปี 2567 นี้ มีการกำหนด 5 เส้นทางท่องเที่ยวเมืองรองทุกภาค และกำลังเตรียมจับมือกับประเทศจีนช่วงปลายปี ส่วนในปี 2568 จะมีการปรับจากการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำให้ลึกมากยิ่งขึ้น
สำหรับความนิยมในการซื้อรถยนต์ EV ของไทยนั้น ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ (BEV, PHEV, HEV) เพิ่มขึ้นจาก 71,450 คัน ในปี 2565 เป็น 168,425 คัน ในปี 2566 หรือคิดเป็น 41.39 % ของยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า BEV รวมทุกประเภท ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2566 สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ระบุข้อมูลว่า มีการจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 100,219 คัน เติบโต 380% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 20,816 คัน