ขบวนการสร้างกัญชาเป็นผู้ร้าย ดึงกลับเป็นยาเสพติดเอื้อนายทุน

17 พ.ค. 2567 | 02:54 น.

นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ชี้มีขบวนการสร้างกัญชาเป็นผู้ร้าย หวังดึงกลับเป็นยาเสพติดเอื้อนายทุน

KEY

POINTS

  • การดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง โดยอนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น อาจเป็นการเปิดทางให้นายทุนและบริษัทใหญ่เข้ามาผูกขาดตลาดกัญชา ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านบาทในประเทศไทย
  • หากกัญชากลับสู่ยาเสพติด จะทำให้กฎหมายกัญชา 4 ฉบับบนโต๊ะนายกรัฐมนตรีเป็นหมันทันที และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ ต่อผู้ขออนุญาตปลูก 1ล้านรายในปัจจุบัน บางรายอาจต้องล้มละลายจากการลงทุนเครื่องจักรเป็น 10 ล้านบาทเพื่อทำธุรกิจกัญชา
  • ทางออกที่ดีในการควบคุมกัญชาคือการออก พ.ร.บ.กัญชา เนื่องจากสามารถออกแบบได้ มีความเป็นระบบและมีความยืดหยุ่นต่อการใช้ประโยชน์ 

หลังจากปรับครม. เจ้ากระทรวงสาธารณสุขจาก "หมอชลน่าน" เป็น "หมอสมศักดิ์" นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นโยบายเกี่ยวกับกัญชาก็เปลี่ยนไป ในการประชุมนัดแรกกับคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ได้มีการกล่าวว่า ในเรื่องของกัญชาว่า แนวทางต้องเปลี่ยนไปแต่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรนั้นต้องมีการพิจารณากันอีกครั้งซึ่งต้องทำงานร่วมกันของ 5 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอาจจะต้องมีการรับฟังเสียงของประชาชนด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเร็ว ๆ นี้แน่นอนตั้งเป้าแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน

ความชัดเจนเรื่องดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติดชัดเจนขึ้นในการประชุมหารือการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ในเรื่องกัญชานายกฯขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวงอนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น 

ขบวนการสร้างกัญชาเป็นผู้ร้าย ดึงกลับเป็นยาเสพติดเอื้อนายทุน

ฐานเศรษฐกิจ สัมภาษณ์พิเศษ นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ถึงกรณีดังกล่าวได้ความเห็นว่า หากรัฐบาลหวังดีกับประชาชนจริง ทำไมจึงไม่ผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา เพราะมีการกำหนดรายละเอียดควบคุมการใช้เอาไว้ครบถ้วนแล้ว แต่กลับปล่อยให้มีการใช้กัญชาได้โดยไม่มีกฎหมายควบคุม จนมีข่าวผู้เสพกัญชาแล้วมีผลในทางไม่ดีออกไป จนกระแสสังคมมองว่ากัญชาเป็นผู้ร้าย ซึ่งทำกันเป็นขบวนการ

เพื่อท้ายที่สุดจะดึงกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด และผู้ที่สามารถขอใบอนุญาตเพื่อนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้จะเหลือแค่กลุ่มทุน ที่สามารถครองตลาดและได้รับผลประโยชน์หลักแสนล้านบาทจากอุตสาหกรรมกัญชา เป็นการผูกขาดกัญชาไว้กับนายทุน เช่นเดียวกับการผูกขาดสุราแบบที่ผ่านมา

คนสายเขียวหดหู่ใจทุกครั้งที่ได้เห็นข่าวของคนเสพกัญชาแล้วมีอาการหลอน หรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก่อเหตุต่างๆขึ้น ในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามว่าในกลุ่มผู้ใช้กัญชากันมา 10-20 ปีทำไมไม่เคยมีอาการคลั่งเช่นนั้น คำตอบก็คือผู้ก่อเหตุอาจอ้างว่าเสพกัญชาทั้งที่จริงอาจเสพยาเสพติดชนิดอื่น หรือเป็นการใช้กัญชาร่วมกับสารเคมีชนิดอื่นๆ

กัญชาจัดเป็นยาเสพติดมาตั้งแต่ปี 2522 เมื่อปลดออกมาแล้วแต่ผู้คนก็ยังจดจำว่าเป็นสิ่งเลวร้ายอยู่ ในขณะที่กฎหมายควบคุมการใช้ก็ยังไม่มี ส่งผลให้เมื่อมีพฤติกรรมการใช้กัญชาที่ไม่เหมาะสมขึ้นเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถใช้อำนาจเข้าไปควบคุมจัดการได้  

ขบวนการสร้างกัญชาเป็นผู้ร้าย ดึงกลับเป็นยาเสพติดเอื้อนายทุน

ปัจจุบันมี พ.ร.บ.กัญชา วางอยู่บนโต๊ะนายกรัฐมนตรีถึง 4 ฉบับคือฉบับของพรรคภูมิใจไทย ฉบับพรรคก้าวไกล ฉบับเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย และฉบับสมาคมสร้างสรรค์เกษตรกรไทย แต่เหตุใดจึงไม่ผลักดันกฎหมายออกมาควบคุมกัญชาอย่างเป็นระบบ และยังสามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคได้

นายประสิทธิ์ชัย เชื่อว่าการที่รัฐบาลไม่ผลักดันกฎหมายควบคุมกัญชา เป็นเพราะรัฐบาลต้องการดึงกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด เพราะผู้ที่ปลูกได้จะเฉพาะกลุ่มมากๆ โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับยามีทักษะในด้านนี้ และต้อง MOUกับสถาบันการศึกษา หรือโรงพยาบาล ฉะนั้นประชาชนทั่วไปจะไม่สามารถปลูกได้ ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้

ซึ่งหากแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 ก็เท่ากับเป็นการทำหมัน พ.ร.บ.กัญชาทั้ง 4 ฉบับทันที ส่งผลให้ 1ล้านใบอนุญาตปลูก 10,000ใบอนุญาตขายที่มีในปัจจุบันได้รับผลกระทบ เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจทันที และในบางรายอาจถึงขั้นล้มละลาย เพราะในบางธุรกิจที่นำกัญชาไปสกัดเป็นสกินแคร์ หรือยาต่างๆมีการลงทุนเครื่องสกัดกันเป็นสิบล้านบาท

เพราะฉะนั้นการเลือกเส้นทางให้กัญชาเป็นยาเสพติดไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ควรกำกับควบคุมด้วยกฎหมายกัญชา ที่สามารถออกแบบได้ และมีความยืดหยุ่นที่ประชาชนทั่วไปยังสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ เพราะมีตำหรับยาในหลายประเทศที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ สามารถนำมาใช้รักษาบรรเทาอาการโรคเบาหวาน ความดัน กระทั่งมะเร็งได้