นอทเฟซ เพิ่มไลน์สินค้าใหม่เจาะกลุ่มเทรนนิ่ง กระตุ้นตลาดคนรักการออกกำลังกาย เตรียมพร้อมก่อนเล่นกีฬา เดินหน้าจัดกิจกรรมเสริม มั่นใจยอดขายโตมากกว่า 10% หลังคนไทยนิยมมีกิจกรรมกลางแจ้งทั้งในและต่างประเทศ
นายชนัย พยัคฆพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทย เอาท์ดอร์ สปอร์ต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “เดอะนอท เฟซ” (THE NORTH FACE) เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้เพิ่มไลน์สินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด โดยเป็นกลุ่มสินค้าสำหรับเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนการแข่งขันกีฬา หรือกลุ่มเทรนนิ่ง ซึ่งมีสินค้าครบไลน์ อาทิ เสื้อยืด กางเกง แจ็กเก็ต กระเป๋า และรองเท้า เป็นต้น เพื่อเข้ามาเสริมกับการขายสินค้าหลัก ที่เป็นกลุ่มสินค้าสำหรับกิจกรรมกีฬากลางแจ้ง อาทิ การปีนเขา เล่นสกี การวิ่งมาราธอน วิ่งผจญภัยกลางธรรมชาติ หรือวิ่งเทรล เป็นต้น
“เดิมสินค้าหลักเป็นกลุ่มเสื้อกันหนาว จึงได้เพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่สำหรับการฝึกฝนร่างกาย และการทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ เพราะคนที่จะออกไปเล่นกีฬาเอาท์ดอร์ได้จะต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายให้แข็งแรง เพื่อที่จะเผชิญกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมภายนอก เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายต่างๆ จึงต้องมีคุณสมบัติและวัสดุที่พิเศษ เช่น กันฝน กันหนาว ซับเหงื่อ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่นำมาจำหน่ายนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมด และปีนี้จะเปิดตัวสินค้าใหม่ทุกประเทศในเอเชีย ปัจจุบันสินค้ากลุ่มดังกล่าวยังไม่มีคู่แข่งทำการตลาดมาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ใช้ในอินดอร์หรือยิมมากกว่า”
สำหรับแนวทางการทำตลาดช่วงครึ่งปีหลังนั้น บริษัทจะเปิดรับสมัครให้ผู้สนใจเข้ามาร่วมเทรนหรือฝึกซ้อมร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งเตรียมเปิดสอน 6-8 ครั้ง รับสมัครครั้งละ 30-40 คน เพื่อเป็นกิจกรรมกระตุ้นตลาดและเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งรายการ The North Face 100 ที่จัดขึ้นในประเทศไทยปีละ 1 ครั้ง ด้วยระยะทางการแข่งขัน 100 กิโลเมตรด้วย
นอกจากนี้เตรียมขยายจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันมีจุดขายในรูปแบบร้านสแตนด์อะโลน 10 แห่ง เคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 25 แห่ง ร้านคิงเพาเวอร์ 8 แห่ง และร้านเอาท์เล็ต 7 แห่ง
ล่าสุดได้ปรับโฉมสาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ให้เป็นแฟลกชิฟสโตร์ ด้วยขนาดพื้นที่ 180 ตร.ม. เพิ่มขึ้นจากเดิม 160 ตร.ม. พร้อมกับตกแต่งร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่นำเสนอสินค้าเป็นกลุ่มคอลเลคชั่น ที่มีครบไลน์สินค้า อาทิ เสื้อยืด แจ็กเก็ต กางเกง รองเท้า ถุงเท้า และกระเป๋า เป็นต้น จากเดิมที่จัดสินค้าให้เป็นรูปแบบกลุ่มสินค้าแยกจากกัน เช่น กลุ่มรองเท้า กลุ่มแจ็กเก็ต เป็นต้น เนื่องจากต้องการนำเสนอสินค้าให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
นายชนัย กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 10% โดยคาดว่ารายได้จะมาจากกลุ่มสินค้าเดินป่าสัดส่วน 50% กลุ่มสินค้าเทรนนิ่ง 30% และสินค้าอื่นๆ อีก 20% ซึ่งลูกค้าหลักยังเป็นกลุ่มคนไทยสัดส่วน 70% และลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี สัดส่วน 30% ซึ่งใน ปัจจุบันคนไทยเริ่มนิยมออกกำลังกายและเล่นกีฬากลางแจ้งเพิ่มมากขึ้น โดยเล่นทั้งในประเทศและเดินทางไปเล่นในต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันการเข้าถึงตั๋วโดยสารเครื่องบินง่ายและมีราคาถูก ส่งผลทำให้สินค้าสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งมีอัตราการาเติบโตตามไปด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,167 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559