รัฐบาลยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาหวยแพงในรูปแบบต่าง ๆ โดยล่าสุด ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ในฐานะกรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ปัจจุบันการแก้ปัญหาสลากเกินราคาทำได้ประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยระยะเวลาจากนี้ไปถึงปีหน้าจะเริ่มได้เห็นความเป็นรูปธรรมมากขึ้นเป็นลำดับ
ในส่วนของการรับฟังความเห็นจากผู้ซื้อ ผู้ขายรายย่อยและผู้ขายในระบบดิจิทัล เกี่ยวกับการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นเลขสลาก 3 หลักเข้าสู่ระบบ โดยจะมีการซื้อขายผ่านระบบดิจิทัลหรือแอปพลิเคชั่นเป็นหลักซึ่งผลที่ออกมาค่อนข้างจะมีกระแสตอบรับในเชิงบวก โดยจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาถึงรูปแบบและการจัดจำหน่าย ราคาและวิธีการ รวมถึงความพร้อมในการเริ่มต้นดำเนินการต่อไป ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า จะจำหน่ายใบละ 50 บาท โดยการซื้อสลาก 1 ใบ สามารถลุ้นได้ 4 รางวัล คือ
รางวัล 3 ตัวตรง
รางวัล 3 ตัวสลับหลัก หรือ 3 ตัวโต๊ด
รางวัล 2 ตัว
รางวัลแจ็กพอต
ทั้งนี้ คาดว่า สลาก 3 หลักจะเข้ามาช่วยเสริมระบบของการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสลากในราคาที่อยู่ตามกฎหมายมากขึ้น
นอกจากนี้ ผศ.ดร.ธนวรรธน์ ได้กล่าวถึงการกล่าวการแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบการซื้อจองของผู้ค้ารายย่อยที่อยู่ในระบบสลากซื้อจองที่มีจำนวน 1.5 แสนคน หลังจากเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเพื่อแย่งบัตรคิวซึ่งปัจจุบันการซื้อจองสลาก สามารถซื้อจองผ่านระบบเน็ตแบงก์ 90% อีก 10% เป็นการซื้อจองในระบบของตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย
ดังนั้น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ขอย้ำผู้ค้ารายย่อยว่า ไม่จำเป็นต้องไปยืนรอที่หน้าตู้เอทีเอ็มโดยสามารถซื้อจองผ่านระบบแอปพลิเคชั่นได้ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายมากขึ้น อย่างไรก็ดี จากปัญหาที่เกิดขึ้นสำนักงานสลากฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีแผนการที่จะลดอุปสรรคเหล่านี้ให้เกิดขึ้นน้อยลงด้วย
ด้าน พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาระบบการซื้อจองของตัวแทนรายย่อย จากจำนวนสลากที่มีจำนวนน้อยลง แต่มีตัวแทนเข้ามาในระบบมากขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาโดยการเพิ่มจำนวนสลากเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เพราะจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงผู้ซื้อเป็นหลัก ซึ่งหมายถึงจำนวนสลากจะต้องสมดุลกับจำนวนผู้ซื้อ โดยจะพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาการซื้อจองที่หน้าตู้เอทีเอ็มโดยใช้หลักเท่าเทียมเเละเป็นธรรม
ส่วนเรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการลงไปสำรวจความคิดเห็นและศึกษาผลกระทบ ผลออกมาในเชิงบวกทั้งในแง่ของกลุ่มผู้ค้าปัจจุบันและกลุ่มผู้ซื้อทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าภายในต้นปี 2566 หรือไม่เกินเดือน ก.ย.ปี 2566 จะต้องสามารถดำเนินการเริ่มขายสลาก 3 หลักได้สำเร็จ
ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ทั้งนี้ การที่สำนักงานสลากฯ มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ไม่ได้ต้องการให้ผู้ขายเดิมได้รับผลกระทบ และยังคงต้องการให้อาชีพผู้ขายสลากเป็นของผู้ขายเดิมและสามารถทำมาหากินได้แบบใกล้เคียงปกติ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลในวันนี้ (29 กันยายน) สำนักงานสลากฯ จะเสนอให้คณะกรรมการสลากพิจารณาแนวทางสำหรับแก้ปัญหาและดำเนินการแก้ปัญหาผู้ค้าสลาก รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์สลากดิจิทัล 3 หลักที่จะจำหน่ายในละ 50 บาทด้วย