การเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิด -19 และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร ส่งผลให้หลายพื้นที่จัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าพื้นที่กันอย่างคึกคัก
นางศุภากาญจน์ ยอดฉุน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว (ททท.) สำนักงานเกาะสมุย เปิดเผยว่า ททท. มีนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่าของพื้นที่ โดยอิงบนพื้นฐานของวิถีชีวิต ความโดดเด่น และอัตลักษณ์ ต่อยอดศักยภาพเดิมให้เกิดการรับรู้
เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ และดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังพื้นที่ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระจายรายได้แก่ผู้ประกอบการและชุมชน
โดยร่วมกับ สยาม ฮีลลิ่ง เซ็นเตอร์ จัดโครงการ “โคโค่ พะงัน อาร์ต แอนด์ มิวสิค เฟสติวัล” (COCO Phangan Art & Music Festival) ศิลปะและดนตรีในสวนมะพร้าว ในพื้นที่เกาะพะงันครั้งนี้ ได้รับงบประมาณจากภูมิภาคภาคใต้ ททท. ในการร่วมจัดกิจกรรม
โดยการจัดงานมีวัตถุประสงค์ต้องการตอกย้ำเกาะพะงันเป็นแหล่งพักผ่อน สถานที่ workation โดยชูเรื่องมะพร้าวเกาะพะงัน ที่ได้รับรองมาตรฐาน GI ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีความสำคัญสอดแทรกในวิถีอาหาร วิถีการดำเนินชีวิตของชุมชนสู่การท่องเที่ยว
ตลอดจนแสดงความพร้อมด้านธรรมชาติที่สมบูรณ์เงียบสงบ กิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ และผู้ประกอบการที่หลากหลายระดับ ที่เหมาะสมรองรับผู้ที่ชื่นชอบในแนวทางศิลปะ ดนตรี และวิถีชุมชน
นางสาวอนงค์ คำจีน ผู้บริหาร สยาม ฮีลลิ่ง เซ็นเตอร์ (Siam Healing Centre) ผู้จัดงาน COCO Phangan Art & Music Festival เปิดเผยว่า เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ วิถีชีวิตผู้คนมีความน่าสนใจ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งโควิด-19
ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของเกาะพะงัน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้รับเกียรติร่วมจัดกับททท. และได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรหน่วยงานต่างๆ อาทิ อำเภอเกาะพะงัน เทศบาลตำบลเกาะพะงัน
สมาคมโรงแรมและการท่องเที่ยวเกาะพะงัน ชมรมผู้ประกอบการหาดริ้น วิสาหกิจชุมชนชาวสวนมะพร้าวเกาะพะงัน (เกษตรแปลงใหญ่) และผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อเร่งฟื้นเศรษฐกิจกลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
สำหรับ“โคโค่ พะงัน อาร์ต แอนด์ มิวสิค เฟสติวัล” โครงการที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจด้วยเสน่ห์และอัตลักษณ์ของชุมชนเกาะพะงันให้เป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว โดยคอนเซ็ปต์ของงานมีทั้ง ตลาด Art ติดเกาะ งานแสดงศิลปะและดนตรีในสวนมะพร้าว
มีงานศิลปะจากศิลปินทั้งท้องถิ่น และจากต่างถิ่นเข้าร่วมสร้างสีสันในงาน นอกจากนี้มีเวิร์คช้อปสาธิตการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น แนะนำเมนูอาหารจานเด็ดของชุมชน และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมะพร้าว
โดยงานจัดขึ้นที่สวนมะพร้าวโกบุย เขาข้าวแห้ง ซึ่งได้รับรองมาตรฐานอินทรีย์ (ออร์แกนิคไทยแลนด์) เป็นสวนมะพร้าวแปลงใหญ่ เกาะพะงัน ที่ได้รับรางวัลดีเด่นอันดับที่ 1 ระดับจังหวัด และได้รับรางวัลดีเด่นอันดับที่ 2 ระดับเขต ในวันที่ 7-9 ตุลาคม 2565 ตลอด 3 วันของการจัดงานจะให้ความสำคัญกับการสนับสนุนศิลปินและนักดนตรีในเกาะพะงัน ให้มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถในรูปแบบที่แตกต่าง
เข้าถึงผู้คนที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาโครงการด้านการท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น การนำมะพร้าวที่ได้รับรองมาตรฐาน GI มานำเสนอต่อสายตานักท่องเที่ยว เพื่อสะท้อนถึงวิถีชุมชน สิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับชาวเกาะพะงัน พร้อมกันนี้ ทางสมาคมโรงแรมและการท่องเที่ยวเกาะพะงัน ได้จัดทำโปรโมชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะพะงัน
มอบส่วนลดค่าที่พักสูงสุด 40% จัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางและพักค้างคืนเป็นคูปองเงินสดมูลค่า 200 บาท จำนวน 500 ใบ ให้กับผู้จองห้องพักกับโรงแรมที่ร่วมโครงการ ในช่วงวันที่ 7-9 ตุลาคม 2565 โดยนักท่องเที่ยวนำใบเสร็จหรือหลักฐานในการเข้าพักมาแสดงที่หน้างานเพื่อแลกคูปองเงินสด นำมาจับจ่ายใช้สอยได้ทุกร้านค้าภายในงาน เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชน
ในส่วนของกลุ่มเป้าหมายนั้นมีความหลากหลาย ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบครอบครัวและวัยทำงาน ที่เริ่มเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นหลังจากการเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวชาวไทย Expat นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำงานออนไลน์ (Digital Nomad) มีไลฟ์สไตล์การทำงานแบบ Work From Home ซึ่งคนกลุ่มนี้ชื่นชอบศิลปะ วัฒนธรรม การพักผ่อนหย่อนใจ
และยินดีที่จะจ่ายเงินให้กับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ รวมทั้งกลุ่มศิลปิน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ค้นหาแรงบันดาลใจ พื้นที่บ่มเพาะและจัดแสดงงานศิลปะ ยูทูปเปอร์ คนรุ่นใหม่ และกลุ่มที่ชื่นชอบธรรมชาติและรักษ์สิ่งแวดล้อม โครงการนี้ เป็นหนึ่งในการเดินหน้าทำกิจกรรมในท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในวิถีชุมชน
ซึ่งจะเป็นมุมมองและภาพลักษณ์ใหม่ในด้านบวกของเกาะพะงัน คาดว่าจากการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก และสร้างการรับรู้ถึงกลุ่มคนได้หลากหลาย โดยเฉพาะในกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ทั้งชาวไทย Expat และนักท่องเที่ยวต่างชาติ