สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 85.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 92.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนกำลังพิจารณาลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศเหลือเพียง 7 วัน จากเดิมกำหนด 10 วัน หลังจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ทำให้จีนแยกตัวออกจากโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น
บ๊อบ ยอว์เกอร์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัทมิซูโฮกล่าวว่า ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะฟื้นตัว โดยที่ผ่านมานั้น จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก เดินหน้าใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์จนส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมัน WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการใช้น้ำมัน
นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าวว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาแทบไม่สามารถสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ ดังนั้นเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยเขามองว่าเฟดควรจะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าระดับ 4% ภายในปลายปีนี้
นอกจากนี้ นายฮาร์เกอร์ระบุว่า เฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า และจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง และหลังจากนั้น เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ