นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า จากอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุทั่วโลก รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบธุรกิจไทยควรเริ่มติดตามและทำความเข้าใจการเปลี่ยนไปของโครงสร้างและพฤติกรรมของสังคมผู้สูงอายุเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร
การหากิจกรรมที่เหมาะสม การก่อสร้างที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุในการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องการคนดูแลช่วยเหลือ รวมถึงสถานที่ตั้งของธุรกิจควรจะอยู่ใกล้สถานพยาบาล เพื่อความรวดเร็วในการเดินทางของผู้สูงอายุในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ ควรหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เข้ามาช่วยสนับสนุนการให้บริการด้านสุขภาพซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในระดับสากล
โดยข้อมูลของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 พบว่า ประเทศไทยมีประชากรจำนวน 66,171,439 คน จำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ (อายุตั้งแต่ 60 - 150 ปี) จำนวนทั้งสิ้น 12,241,542 คน หรือ ร้อยละ 18.50 แบ่งเป็นเพศชาย 5,424,781 คน เพศหญิง 6,816,761 คน กรุงเทพมหานครมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงสุด 1,171,900 คน รองลงมา คือ นครราชสีมา 495,452 คน เชียงใหม่ 379,118 คน ขอนแก่น 340,855 คน อุบลราชธานี 303,720 คน และคาดว่าในปี 2573 จะมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.57 ของประชากรทั้งหมด
ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อมไทยเข้าสู่สังคมผุ้สูงวัยมากขึ้น กรมฯได้เร่งพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการบริหารจัดการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ การจัดทำแผนธุรกิจ บัญชี ภาษีและกฎหมาย การทำการตลาดออนไลน์ นวัตกรรมดิจิทัล และในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหรือที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงเป็นช่องทางในการสร้างโอกาสทางการตลาด
และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจในเชิงลึกและสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ กรมฯ เตรียมจัดอบรมหลักสูตร “Smart Senior Care Business” ระหว่างวันที่ 10 - 11 พฤศจิกายน 2565
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมีความน่าสนใจและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในระยะยาว ผู้ที่สนใจจะเริ่มลงทุนทำธุรกิจจึงควรศึกษามาตรฐานของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้ดี เพื่อที่จะได้ตัดสินใจเลือกทำธุรกิจที่ตนเองมีความสนใจ และสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน โดยปัจจุบัน มีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่จดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำนวน 589 ราย โดยมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3,168.26 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วจำนวน 888.07 ล้านบาท