ปลัดพลังงานย้ำ ทำทุกทาง ตรึงค่าไฟ 4.72 บาท เป็นของขวัญปีใหม่

27 ต.ค. 2565 | 07:13 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ต.ค. 2565 | 14:49 น.

ปลัดพลังงานย้ำ กระทรวงทำทุกทาง ตรึงค่าไฟฟ้า 4.72 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ ชง กพช.เดือนหน้า ยืดมาตรการช่วยค่าไฟผู้ใช้รายย่อย 17 ล้านคน

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานเสวนาฝ่าวิกฤตพลังงานโลกทางรอดพลังงานไทย ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ (วันที่ 27 ตุลาคม 2565) ว่า กระทรวงอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานให้กับประชาชนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ โดยต้นเดือนพฤศจิกายนนี้  จะมีการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)

 

เบื้องต้นคาดว่าจะยังคงใช้มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟรายย่อยขนาด 300-500 หน่วยซึ่งมี 17 ล้านคนทั่วประเทศ และจะมีการขยายมาตรการใหม่เพิ่มด้วย

ในส่วนของอัตราค่าไฟฟ้า คาดว่าจะมีการตรึงอัตราค่าไฟฟ้า 4.72 บาท/ต่อหน่วยไปจนถึงไตรมาสสองของปี 2566 หรือในช่วงของการคำนวนค่าเอฟทีงวดแรกของปี 2566 ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

 

นายกุลิศ ย้ำว่า "กระทรวงพลังงานจะทำทุกวิธีที่ทำให้ค่าไฟคงอยู่ในระดับ 4.72 บาทเหมือนปัจจุบัน ตอนนี้ต้นทุนราคาแอลเอ็นจีเฉลี่ยที่ประมาณ 34 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งจากการคำนวณหากราคาแอลจีขยับขึ้นไปถึง 50-55 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู จัดส่งผลให้ราคาค่าไฟปรับขึ้นจาก 4.72 บาท เป็น 7 บาท ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันผลิตพลังงานไฟฟ้าแทนจึงคุ้มค่ากว่าหากราคาน้ำมันอยู่ที่ไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล"

นายกุลิศ กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ในไตรมาส 4 จนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า ว่า จะมีการปรับเปลี่ยนใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้า โดยได้ประสานกับโรงไฟฟ้า ภาคเอกชนในการปรับเปลี่ยนน้ำมัน 250-300 ล้านบาร์เรล/เดือน นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ได้ช่วยลดการนำเข้าแอลเอ็นจีได้

 

นอกจากนั้น ยังมีการวางแนวทางอื่นๆ เพื่อให้ค่าไฟคงที่ อาทิ

  • การยืดอายุโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะโรงที่ 8 ต่อไปอีก 2 ปี ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 300 เมกะวัตต์
  • การขยายการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ โรงที่ 4 ซึ่งได้หมดอายุการใช้งานไปแล้วให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ โดยอยู่ระหว่างกระบวนการขอ EIA คาดว่าจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 200 เมกะวัตต์ภายในปีนี้
  • การเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในประเทศโดยเฉพาะการฟื้นฟูการผลิตในแหล่งเอราวัณรวมถึงแหล่งอื่น ๆ เช่น ซอติก้า ยาดานา ตลอดจนการหาแหล่งนำเข้า เช่นแหล่งเอ็มทีเจเอ ซึ่งเป็นแรงระหว่างมาเลเซียและไทย
  • การซื้อไฟฟ้าจากประเทศ สปป. ลาว เพิ่มมากขึ้น 30% โดยให้ราคาเพิ่มขึ้นจากสัญญาเดิม เพราะประเมินแล้วว่าแม้ราคาที่ซื้อได้เพิ่ม แต่มีความคุ้มค่า
  • การเพิ่มปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) พร้อมทั้งร่วมกันจัดทำแพลตฟอร์มเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้สถานีชาร์จระหว่างกัน ของ 3 การไฟฟ้า และ ปตท.
  • การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นจาก  ซึ่งจะบรรจุอยู่ในแผนพลังงานแห่งชาติ