หอการค้าฯชี้อานิสงส์เอเปค เม็ดเงินจ่อเข้าไทย 6 แสนล้าน จีดีพีปี 66 โตได้ 4%

26 พ.ย. 2565 | 06:29 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ย. 2565 | 19:04 น.

หอการค้าไทยชี้อานิสงส์ไทยเจ้าภาพประชุมเอเปค มีเงินหมุนเวียนในระบบทันทีรอบหนึ่งสัปดาห์กว่า 1 หมื่นล้าน คาดจากนี้จะมีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าไทยอีกกว่า 6 แสนล้านบาท เล็งจีดีพีปี 66 ยังโตได้ 3.5-4% ลุ้นจีนผ่อนคลาย ZERO COVID ดันเที่ยวจีนเข้าไทยไม่ต่ำ 5 ล้านคน

ในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ณ จังหวัดอุบลราชธานี (26 พ.ย. 2565) นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้กล่าวเปิดการสัมมนา ใจความสำคัญ ระบุว่า

 

จากที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC 2022 ในปีนี้ โดยผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจได้มาพบกัน และออกปฏิญญา และรับรองเป้าหมายกรุงเทพฯ (Bangkok Goals) ที่นำ BCG (Bio-เศรษฐกิจชีวภาพ, Circular-เศรษฐกิจหมุนเวียน, Green-เศรษฐกิจสีเขียว) เป็นวาระสำคัญของเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมผลักดันเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก ( FTAAP) ให้เกิดขึ้นจริงภายใน 4 ปีนับจากนี้

การสัมมนาหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ณ จังหวัดอุบลราชธานี

 

นอกจากนั้น ยังมีอีก 2 ประเทศ ที่เป็นแขกพิเศษของรัฐบาล คือ มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบีย และประธานาธิบดีมาครง ของฝรั่งเศส เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่า ในช่วง APEC เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทันทีกว่า 1 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจากนี้ไปจะมีเงินลงทุนมาจากต่างประเทศเข้าประเทศไทย รวม 6 แสนล้านบาท อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมอีอีซีของไทย-ลาว-จีน และซาอุดีอาระเบียมีแผนมาตั้งคลังเก็บน้ำมันดิบ คิดเป็นมูลค่ารวมกันก็มากกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว ยังไม่นับรวมถึงโครงการลงทุนที่เป็นห่วงโซ่อุปทานอื่น ๆ

 

  • นับจากนี้สิ่งที่เราจะต้องร่วมกันขับเคลื่อนต่อคือ

 

1. BCG Model  ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจ และสามารถดำเนินการได้ จริง ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ( กกร.) จัดทำร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ

 

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวสุนทรพจน์เปิดการสัมมนา

2. Thailand Competitiveness

ปีที่ผ่านมา IMD สถาบันวิชาการของโลก จัดอันดับให้ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง จากอันดับที่ 28 มาเป็น 33 ดังนั้น กกร. จึงได้ผนึกกำลังกับ TMA สร้าง Pilot Project เพื่อยกระดับ SME ไทย โดยได้จัดตั้ง สถาบัน Competitiveness ภายใต้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อ ขับเคลื่อนและติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันในปีหน้าหอการค้าไทยตั้งเป้าเพิ่มสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศ จาก 1 แสนราย เป็น 2 แสนรายให้ได้ ภายใน 3 ปี

 

3. ดึงดูดชาวต่างชาติมาลงทุน

 โดยร่วมกับบีโอไอ ขับเคลื่อน Ease of Investment (การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน) อย่างจริงจัง เช่น

 

  •  หอการค้าฯ ร่วมกับสถานทูตจีน ศึกษาวิจัยโอกาสการลงทุนของ 2 ประเทศ ให้เพิ่มขึ้น และหลังจากนี้จะ ได้ขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป

 

  •  ส่วนการเปิดความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย มีความคืบหน้าในด้านต่าง ๆ อย่างเกินคาด เช่น เมืองใหม่ NEOM ที่เป็นเมกะโปรเจ็กต์ระดับโลก ภายใต้ชื่อ "เดอะไลน์" ที่มีความยาว 170 กิโลเมตร ซึ่ง “กลุ่มสยามพิวรรธน์” สนใจร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว หรือแม้แต่ PTT OR ก็ได้เปิดร้านคาเฟ่อเมซอนสาขาแรกในกรุงริยาด และมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 150 สาขาภายใน 10 ปี

 

  • สำหรับเวียดนาม ได้มีการลงนาม MOU ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กับหอการค้าและ อุตสาหกรรมแห่งเวียดนาม เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าให้ถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี ค.ศ. 2025

 

“ขณะนี้พื้นที่การลงทุนที่สำคัญของไทยอย่าง EEC ก็มีความพร้อมในการรองรับการลงทุนตรงจากทั่ว โลกได้อย่างทันที และสิ่งที่สำคัญคือ ภาคอสังหาริมทรัพย์จะต้องเร่งปรับปรุงกฎ ระเบียบ ที่เอื้อและ อำนวยความสะดวกต่อการลงทุน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยความเหมาะสม เพื่อให้คนในชาติ ได้มีส่วนในการตัดสินใจ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทุกภาคส่วน”

 

อย่างไรก็ดีแม้เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะมีความเปราะบาง แต่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ โดยหอการค้าไทย คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ไทยในปี 2566 จะเติบโตได้ 3.5-4 % และภาคการส่งออกสามารถเติบโตได้ 3-5 % ภายใต้ความร่วมมือและการทำงานเชิงรุกของทุกภาคส่วนที่ช่วยกันผลักดัน

 

บรรยากาศการสัมมนาหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ จ.อุบลราชธานี

 

สำหรับปี 2565 เป็นปีที่ท้าทาย เกิด “วิกฤติ ซ้อนวิกฤติ” เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกาและยุโรป ความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจ ปัญหาการขาดแคลนพลังงานและอาหาร ปัญหาซัพพลายเชน ดอกเบี้ยขาขึ้น นโยบายของจีนเรื่องโควิดเป็นศูนย์ (zero covid)  ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้เพียง 2-3% ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

 

ในส่วนของเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์และที่สำคัญ และในช่วงต้นปีที่ผ่านมามี ปัญหาผลไม้ไทยที่ส่งออกไปจีน ได้สร้างความกังวลเป็นอย่างมาก หอการค้าไทยจึงได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ไปพบนายหวังอี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน เพื่อขอให้ผ่อนคลายและอำนวยความสะดวกให้ผลไม้ไทยข้าสู่จีน ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย และทำให้เราส่งออกได้เกินกว่าแสนล้านบาท

 

นอกจากนี้หอการค้าไทยยังได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผลักดันแนวทาง Trade & Travel  เน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง โดยปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีน่าจะถึง 10 ล้านคน ส่วนปี 2566 ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน ซึ่งหากจีนผ่อนคลายมาตรการ ZERO COVID กลางปีหน้า คาดจะเพิ่มนักท่องเที่ยวจากเป้าหมายได้อีก 5 ล้านคน โดยในปีหน้าหอการค้าทั่วประเทศ จะเน้นเรื่องการยกระดับซอฟต์ พาวเวอร์ไทยทั้งสมุนไพร อาหาร และวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วย Happy Model

 

“ที่ผ่านมา หอการค้าไทย ยังได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้ กรอ.พาณิชย์ ส่งผลให้เป้าหมายมูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้ที่เดิมตั้งไว้ 4% จะสามารถเติบโตได้ถึง 8% อย่างแน่นอน” นายสนั่น กล่าว