นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผย ถึง10 ธุรกิจดาวร่วงในปี2566 ประกอบด้วย ธุรกิจฟอกย้อม ธุรกิจสิ่งพิมพ์ และวารสาร หนังสือพิมพ์ที่เป็นรูปแบบกระดาษ ธุรกิจรับส่งสิ่งพิมพ์ตามบ้านและสถานที่ทำงาน ธุรกิจโรงพิมพ์ การพิมพ์ เช่น หนังสือ แผ่นพับ ธุรีกิจคนกลาง ร้านขายหนังสือ ธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิค ร้านถ่ายรูป ธุรกิจหัตถกรรม ธุรกิจผลิตเสื้อสำเร็จที่ไร้ฝีมือหรือเสื้อผ้าโหล ธุรกิจคลิปโต โรงเรียนเอกชนและ ร้านค้าโชห่วย
โดยเฉพาะธุรกิจร้านโชห่วยได้คะแนนประเมินสูงสุดจาก20คะแนน โดยได้คะแนนที่18.9 ทั้งนี้เนื่องจากกว่าปัจจุบันร้านค้าโชห่วยยังคงเป็นโชห่วยในรูปแบบดั้งเดิมทำให้การแข่งขันกับร้านมินิมาร์คหรือร้านสะดวกที่มีสินค้าที่ครบครันและมีระบบการบริหารจัดการที่ดีกว่าทำให้ร้านโชห่วยอาจจะไม่ได้รับความนิยม เช่นเดียวกับธุรกิจคลิปโตที่ปัจจุบันความนิยมเริ่มลดลงเนื่องจากกระแสข่าวต่างๆทำให้ความเชื่อมั่นของธุรกิจคริปโตลดลง
อย่างไรก็ตามศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมองว่าปีหน้าการทำธุรกิจต่างๆยังคงมีปัจจัยเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการกลับมาแพร่ระบาดซ้ำอีกครั้งจากการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB
ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อเผชิญกับแรงกดดันด้าน เงินเฟ้อ รวมถึงจะมีผลต่อภาระการกู้ยืมเงินของภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้คน มีเงินเหลือจับจ่ายใช้สอยน้อยลง
นอกจากนี้สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ กระทบซัพพลายเชนโลก เกิดปัญหาการขาด แคลนเซมิคอนดักเตอร์และวัตถุดิบที่มีราคาผันผวน ได้แก่ ข้าว สาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน ปุ๋ย เป็นต้น ที่สำคัญคือปัญหาค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนแนวโน้มการส่งออกไทยปีหน้าคาดว่าจะชะลอตัว ตามสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอลงชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลักของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ และสหภาพ ยุโรปที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความไม่แน่นอนและความตึงเครียดทางการเมืองอาจกระทบต่อความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐซึ่งส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจได้