สวัสดีครับท่านผู้อ่านฐานเศรษฐกิจ และแฟนๆ คอลัมน์รอบด้านการนิคมฯ เราเดินทางเข้าสู่เดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปีกันแล้วนะครับ ตลอดปีที่ผ่านมานี้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ก็มีโปรเจ็คต์ที่หลากหลาย ทั้งเป็นงานที่เป็นพันธกิจหลักขององค์กรและที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในปีหน้าปี 2566 ที่จะถึงนี้เราก็ยังมีภารกิจต่างๆ เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไปแน่นอนครับ
สำหรับเดือนสุดท้ายของปีผมอยากแบ่งปันเรื่องราวภายในรั้ว กนอ. ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตลอดจนทิศทางในอนาคตอันใกล้ในปี 2566 ที่จะถึงนี้ครับ
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 กนอ. เราได้มีโอกาสจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบปีที่ 50 ครับ ภายใต้คอนเซปต์ “50th Anniversary of IEAT : Industrial Collaboration for Sustainable Development: 50 ปี กนอ.สานพลังอุตสาหกรรมสู่อนาคตที่ยั่งยืน” โดยมีพิธีทางศาสนาช่วงเช้า และงานเลี้ยงเฉลิมฉลองช่วงคํ่า ซึ่งบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
โดยได้รับเกียรติจากหน่วยงานพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้พัฒนานิคมฯ และผู้ร่วมทุน ผู้ประกอบการ ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ซึ่งผมขอถือโอกาสตรงนี้ขอบพระคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับการเฉลิมฉลองปีที่ 50 ของ กนอ. ครับ
ทั้งนี้ภายในงานเลี้ยงช่วงคํ่า ผมได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ตลอดจนทิศทางการดำเนินงานของกนอ.ในอนาคต ซึ่งถือเป็นการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 6 อย่างมั่นคงของกนอ. โดยผมได้บอกเล่าทิศทางในอนาคตของ กนอ.ผ่านวิสัยทัศน์ “INSPIRE” ซึ่งมีที่มาจาก IN - Invest in business คือ
สร้างการเติบโตและส่งเสริมการลงทุนด้วยธุรกิจเกี่ยวเนื่อง S-Smart I.E. คือ มุ่งเน้นการบริการและการดำเนินงานด้วย Smart I.E. และ P-people enhancement และ I - IT and Innovation คือ ยกระดับการบริหารพัฒนาองค์กรด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและดิจิทัล ตัวสุดท้าย R-relation with stakeholder และ E - Eco คือ เสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
สำหรับก้าวที่ 51 ของกนอ.เราจะใช้ INSPIRE แรงบันดาลใจนำพาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยมุ่งสู่สากล ดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ และความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีกับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2566 สิ่งที่ กนอ. จะมีดำเนินงานต่อเนื่องคือ มาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมพิจิตร, มาตรการส่งเสริมการขายและการเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ในส่วนพื้นที่ Rubber City ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป, มาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมสงขลา (ระยะที่ 1)
และ มาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินและการเช่าโรงงานมาตรฐานในนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วในปี 2565 และ กนอ. ต้องการจะผลักดันให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติม จึงมีมาตรการเพื่อดึงดูดการลงทุนต่อเนื่องในพื้นที่ดังกล่าว
ขณะเดียวกันยังมีการส่งเสริมการลงทุนที่สอดคล้องกับกระทรวงอุตสาหกรรม และนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบาย BCG ที่เป็นวาระแห่งชาติ ผสานแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวเข้าด้วยกัน ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065 ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายประเทศเพื่อขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0
นอกจากนี้ยังมีภารกิจชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศ ที่กนอ. จะต้องสานต่อจากปีที่ผ่านมาพันธมิตรเดิมที่เคยได้ลงนามบันทึกทั้งในส่วนที่เป็นพันธมิตรเดิมที่เคยได้ลงนาม MOU ร่วมกัน คาดว่าจะเห็นภาพการร่วมงานกันที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น และเราจะต้องแสวงหานักลงทุนรายใหม่เข้ามาร่วมงานกับกนอ.ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเดินไปพร้อมกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ทั้งองคาพยพ
ในปี 2566 ที่จะมาถึงนี้ กนอ. มีแผนการดำเนินงานที่จะเดินไปพร้อมกับแผนวิสาหกิจ 5 ปี ของกนอ.ที่จะเริ่มใช้ระหว่างปี 2566-2570 ประกอบกับสถาน การณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกที่น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวอาจจะเป็นปัจจัยให้การลงทุนภาคอุตสาหกรรมของไทยเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง
ผมขอถือโอกาสนี้อวยพรให้แฟนๆ คอลัมน์รอบด้านการนิคมฯ และท่านผู้อ่านฐานเศรษฐกิจทุกท่าน ในศุภฤกษ์มงคลขึ้นปีใหม่ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายโปรดดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยจตุรพิธพรชัย และสัมฤทธิ์ผลในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการครับ