ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐ ดันดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปี 66 โต 2.5 – 3.5%

27 ธ.ค. 2565 | 10:16 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ธ.ค. 2565 | 22:33 น.

ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐ ดันดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปี 66 โต 2.5 – 3.5% ขณะที่เดือน พ.ย. ปี 2565 ขยายตัว 1.55% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า  ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2566 จะขยายตัวอยู่ที่ 2.5 – 3.5% จากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ 

 

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังและติดตาม ได้แก่ ราคาพลังงานที่ทรงตัวในระดับสูง การปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนกระทบต่อภาคการส่งออก และทิศทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย 

 

ขณะที่ดัชนี MPI เดือนพฤศจิกายนปี 65 อยู่ที่ 95.11 ขยายตัว 1.55% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 62.63% 

 

สำหรับภาพรวมดัชนี MPI สะสม 11 เดือนของปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 98.68 ขยายตัว 1.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตสะสม 11 เดือน เฉลี่ยอยู่ที่ 63.02% เป็นผลจากการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น สะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ ปัญหาข้อจำกัดในการผลิตได้คลี่คลายลง อาทิ ค่าระวางเรือมีทิศทางลดลง รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้คาดว่าดัชนีอุตสาหกรรมจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 66

 

ส่วนดัชนี MPI เดือนพฤศจิกายน 2565 หดตัว 5.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงงานในอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก ซึ่งจะกลับมาผลิตเป็นปกติในเดือนธันวาคม 2565 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ขยายตัวในเดือนพฤศจิกายน 2565 ยังคงเป็นยานยนต์ จากรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์นั่งขนาดกลาง ที่สามารถผลิตได้ต่อเนื่อง  

 

ท่องเที่ยว-มาตรการรัฐดันชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปี 66 โต 2.5 – 3.5%          

 

น้ำมันปาล์มจากน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ หลังจากราคาปาล์มน้ำมันในปีก่อนปรับสูงขึ้น จึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรมีการบำรุงต้นและลูกปาล์ม ส่งผลให้ปีนี้ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าปีก่อน และเครื่องปรับอากาศที่กลับมาเร่งผลิตได้อีกครั้ง 

 

อย่างไรก็ดี ในเดือนธันวาคม 65 คาดว่าดัชนี MPI จะขยายตัวจากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์คลี่คลาย ทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องสามารถกลับมาเร่ง การผลิตได้อีกครั้ง รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม อุปสงค์สินค้าในตลาดโลกเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด ด้วยตลาดส่งออกสำคัญมีแนวโน้มจะเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอยจากภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงาน

นางวรวรรณ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนพฤศจิกายน 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

 

  • ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.95% จากรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์นั่งขนาดกลาง เป็นหลัก จากการเร่งผลิตหลังได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ประกอบกับมีการผลิตเพื่อสต๊อกสินค้าไว้เพื่อจำหน่ายในช่วงปลายปี

 

  • น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 32.47% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เป็นหลัก เนื่องจากในปีก่อนราคาจำหน่ายของปาล์มน้ำมันสูง จึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรมีการบำรุงต้นและลูกปาล์ม ส่งผลให้ปีนี้ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าปีก่อน 

 

  • เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.57% จากการส่งออกที่ขยายตัว โดยได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และฟิลิปปินส์ รวมถึงการเร่งผลิตและส่งมอบสินค้าหลังจากช่วงก่อนหน้ามีปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วน 

 

  • เบียร์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.95% จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว  สถานบันเทิงและร้านอาหารเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบมากกว่าปีก่อนที่ยังมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19

 

  • ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.08% จากผลิตภัณฑ์ วงจรรวม และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลัก ตามความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวหลังเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการเติบโตน้อยลง