การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สรุปผล การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในการประมูลครั้งที่ 2 ว่า บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ชนะการประมูล โดยให้ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนเสนอรับอุดหนุนจากรัฐสุทธิที่ 7.8 หมื่นล้านบาท
โดยมีเป้าหมายเสนอคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (บอร์ดรฟม.) อนุมัติร่างสัญญาลงนามร่วมกับเอกชน ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ และเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเพื่อลงนาม
อย่างไรก็ตามเป็นที่คาดหมายกันว่าการอนุมัติ และลงนามในสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้มจะต้องแล้วเสร็จก่อนยุบสภาหรือเลือกตั้ง แต่เบื้องต้นได้รับการยืนยันจาก รฟม.ว่า ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะลงนามตามกรอบกำหนดภายในเร็ววันนี้หรือไม่
เนื่องจากต้องรอคำชี้ขาดศาลปกครอง สูงสุด ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่ในมุมนักวิชาการ นักการเมืองสะท้อนว่า เป็นไปได้หรือไม่หากกระทรวงคมนาคมผลักดันโครงการสายสีส้มเข้าครม. ให้ทันในสมัยรัฐบาลชุดนี้จะถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านอย่างหนัก
ไม่ต่างจากกระทรวงมหาดไทย เสนอขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวขณะความคืบหน้าปัจจุบันรฟม.ได้จัดทำร่างสัญญาส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ ล่าสุดได้ดำเนินการตรวจสอบและส่งหนังสือตอบกลับมายังรฟม.เรียบร้อยแล้ว
สอดคล้องกับ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะประธาน บอร์ดรฟม. ยํ้าว่า หลังจากได้เอกชนผู้ชนะประมูล ขั้นตอนจากนี้ หากสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบแล้วเสร็จ จะต้องรายงานต่อบอร์ดรฟม.พิจารณา ก่อนเสนอต่อกระทรวงคมนาคม และครม.พิจารณาตามลำดับ
เนื่องจากกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้รอผลการพิจารณาตามกระบวนการศาลปกครองด้วย หากร่างสัญญาแล้วเสร็จรฟม.จะต้องส่งเรื่องนี้ต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อตัดสินใจในการดำเนินการทั้งนี้จะมีการประชุมบอร์ด รฟม.ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้
โดยพิจารณาว่าจะมีกระบวนการชี้ขาดทางศาลปกครองออกมาหรือไม่อย่างไรในทางกลับกันต้องเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้กระทบแก่ประชาชนโดยเฉพาะการเปิดเดินรถฝั่งตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 98%
นายนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทอยู่ระหว่างรอศาลปกครองสูงสุดตัดสินพิจารณาผลอุทธรณ์จำนวน 2 คดี
ได้แก่คดีรฟม.เปลี่ยนเกณฑ์การประมูลและคดียกเลิกการประมูลไม่ชอบด้วยกฎหมายส่วนอีก 1 คดี คือคดีกีดกันการแข่งขันในการประมูลสายสีส้มรอบ 2 อยู่ระหว่างรอศาลปกครองกลางพิจารณาคดี ทั้งนี้ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับในคำตัดสินนั้น
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษา ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เสริม ว่าคาดว่าศาลปกครองสูงสุดน่าจะตัดสินคดี ภายในปีนี้แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดจะเป็นเมื่อใด อย่างไรก็ตามขอยํ้าว่า
ปัจจุบันบริษัทมีการฟ้องร้องคดีสายสีส้มทั้งหมด 4 คดี ประกอบด้วย
1. คดีเปลี่ยน แปลงหลักเกณฑ์ทีโออาร์ ครั้งที่ 1 อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีจากศาลปกครองสูงสุด
2. คดียกเลิกการประมูลไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ของศาลปกครอง
3.คดีการประมูลสายสีส้มครั้งที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและกีดกันการแข่งขันในการประมูลโครงการฯซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองชั้นต้น และ
4.คดีอยู่ในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คือคดีกีดกันการแข่งขันในการประมูลสายสีส้ม รอบ 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอศาลฯอุทธรณ์ โดยกำหนดให้ทั้งรฟม.และบริษัทยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ปัจจุบันได้มีการขยายเวลาอุทธรณ์ออกไปแล้ว 2 ครั้ง และล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างจัดทำคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลอาญาฯ คาดว่าจะดำเนินการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฯ ในไม่ช้านี้