ช่วงเทศกาล"ตรุษจีน"หนึ่งในของขวัญที่ประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมมอบให้เป็นของขวัญคือทองคำ เพราะถือเป็นของขวัญที่มีค่าและมีศิริมงคล โดยบรรยากาศการจับจ่ายซื้อทองคำของประชาชนในปีนี้เริ่มกลับมาคึกคักจากปีก่อนที่ผ่านมาแต่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้บรรยากาศการขายทองคำของร้านค้าทอง เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังประชาชน และนักท่องเที่ยวกลับมาซื้อทองคำเป็นของขวัญในวันตรุษจีนมากขึ้นจากปีที่ผ่านๆ มา โดยยอดขายขยับขึ้น 2-3% หากเปรียบเทียบกับปี 2565 แม้การปรับตัวจากยอดขายจะดีขึ้น แต่ยังไม่คึกคักมากนักเนื่องจากราคาทองคำยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งการผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศจากโควิด-19 ของประเทศจีน ที่เริ่มทยอยออกมา ทำให้การฟื้นตัวยังไม่เต็มที่ และคงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวสักระยะแบบค่อยเป็นค่อยไป และคงชัดเจนมากขึ้นช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566
“ตรุษจีนปีนี้ยังทรงตัวจากปีที่ผ่านมา การซื้อทองคำ ยังไม่คึกคักมากนักดีขึ้นมาหน่อย ยอดขายปรับเพิ่มเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าปีที่ผ่านมาเชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมายังคงต้องใช้เวลาฟื้นตัว เพราะราคาทองยังอยู่ในระดับสูง” นายจิตติ กล่าว
ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในปีนี้คาดว่าในระยะยาวทิศทางยังเป็นขาขึ้น โดยราคาในตลาดโลกราคาจะปรับตัวสูงขึ้นจนอาจเห็นทะลุระดับ 2,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้ จากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากการดำเนินนโยบายการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยของทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ อาจขยับดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25%
ส่วนราคาในทองคำในประเทศ คงไม่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และอาจเห็นหลุดระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ผ่านมาแม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ระดับ 1,900 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยปรับขึ้นในช่วงจากปลายปีที่ผ่านมากว่า 300 เหรียญสหรัฐต่ออนซ์ แต่จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว ทำให้ราคาทองคำในประเทศขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย และคาดว่าทั้งปี 2566 ราคาทองคำในประเทศจะอยู่ที่ บวก/ลบ ไม่เกินบาทละ 30,000 บาท