“เงินเฟ้อ-เทคโนโลยีเปลี่ยน-ยั่งยืน”กระทบอุตอิเล็กฯ อย่าหลงประเด็นชิปขาด

23 ม.ค. 2566 | 10:39 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2566 | 10:51 น.

ชี้ 3 ปัญหาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์“เงินเฟ้อ-เทคโนโลยีเปลี่ยน-ความยั่งยืน” ขณะที่ชิปขาดไม่กระทบ แนะเลี่ยงสงครามซูเปอร์ไฮเทค 2 ขั้ว ยึดจุดแข็งผลิตสินค้ากลุ่มกึ่งๆ สินค้าโภคภัณฑ์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี เชื่อเติบโตได้อีก 5-10 ปีข้างหน้า

ดร.สัมพันธ์ ศิลปนาฎ นายกสมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์  กล่าวในงาน “Geopolitics : The Big Challenge for Business โลกแบ่งขั้ว ธุรกิจพลิกเกม”  จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ภายใต้หัวข้อ “บริบทโลกเปลี่ยน สมการการเงิน ลงทุนโลกปรับ” ว่าคนไทยกำลังสับสนท่ามกลางการบริโภคข้อมูลข่าวสาร

“เงินเฟ้อ-เทคโนโลยีเปลี่ยน-ยั่งยืน”กระทบอุตอิเล็กฯ อย่าหลงประเด็นชิปขาด

ซึ่งต้องระมัดระวัง  50   ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยมีการเติบโตมาก มีการส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ แรงงานเกือบ  8 แสนคน   ซึ่งไทยต้องให้ความสำคัญกับโฟกัสหลัก  ปัญหาที่เจอขณะนี้ คือ  1.เงินเฟ้อ เงินฝืด  2 เทคโนโลยีเปลี่ยน   และ 3  สภาวะอากาศและ ความยั่งยืน   อย่าไปหลงประเด็นชิปขาด

“ปัญหาของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใด้อยู่ที่ชิปขาดตลาด  แต่ปัญหาอยู่ที่ 1.ปัญหาเงินเฟ้อ เงินฝืด 2. เทคโนโลยีเปลี่ยน   และ 3. ภาวะภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลงไป   โดยอย่าไปสับสน  Geopolitics ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นกฎเกณฑ์เงื่อนไข  “

วันนี้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย เติบโตมาถึงทุกวันนี้ไม่ใช่ไฮเทค เทคโนโลยี  แต่เป็นกลุ่มกึ่งๆ สินค้าโภคภัณฑ์  (Commodity)  ยังเชื่อประเทศใน 5-10 ปีข้างหน้าต้องเดินตามจุดแข็งดังกล่าวนี้ไว้  เพราะเป็นความน่าเชื่อถือของโลกที่มีต่อประเทศไทย   โดยที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม  เราสามารถปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้  ไม่ต้องสนใจไฮเทคโนโลยี

“ถ้าเราอยากคบทั้ง 2 ขั้ว ไม่ต้องสนใจเรื่องซูเปอร์ไฮเทค เพราะโจทย์มันยากมาก ถ้าต้องการดึงซูเปอร์ไฮเทคเข้ามาลงทุนตอนนี้คุยกัน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  ล่าสุดบางประเทศยอมจ่าย  400,000  ล้านบาท เพื่อดึงอุตสาหกรรมซูเปอร์ไฮเทคมาลงทุน  เราอยู่ในตลาดระดับกลาง ที่มีการเติบโตอยู่แล้ว  ซึ่งต้องรักษาจุดแข็งเอาไว้”

ดร.สัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่ายุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย นั้นระยะสั้น  จะเห็นมีการลดมากมาย โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์  อ่อนแอ  และป่วยง่าย   โดยจะเห็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศลดคน   ซึ่งเป็นการใช้ยุทธศาสตร์ หดเพื่อโต   ซึ่งช่วงที่ผ่านมาไทยสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพดีมาก   ถ้ารักษาลีนตรงนี้ไว้ได้  ไทยสามารถเติบโตไปได้อีก  3-5 ปีช้างหน้า    

อย่างไรก็ตามไทยมีจุดอ่อน  คือ เราก้าวไปทีละก้าวอย่างระมัดระวัง  ซึ่งต้องก้าวยาวมากขึ้น  ก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี    ขณะเดียวกันต้องมีการเรียนรูปแบบธุรกิจใหม่  หรือ นิวบิสซิเนส โมเดลใหม่    และรองรับเทคโนโลยีใหม่ เตรียมพร้อมกรีนเทคโนโลยี 

นอกจากนี้ยังต้องมีความชัดเจนเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ  และความยั่งยืน   วันนี้ภาพลักษณ์ไทยทำได้ดี  และผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายเรื่อง     แต่อีก   5-10 ปีข้างหน้า เป็นคนละโจทย์  ซึ่งต้องชัดเจนเรื่องความยั่งยืนมากกว่านี้   จะทำให้อุตสาหกรรมที่มีอยู่มั่นใจ ขณะที่อุตสาหกรรมใหม่ที่เข้ามากล้าที่จะลงทุน

“อยากเห็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยนำเปลี่ยนแปลงค่าแรง  เพราะเป็นอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งของประเทศ   แต่ไทยต้องก้าวให้เร็วขึ้น  ให้ทันกับเทคโนโลยีที่ก้าวเร็ว”  

นอกจากนี้ยังมองว่าประเทศไทยขาดความร่วมมือ  โดยอุตสาหกรรมมีความร่วมมือกันผิวเผิน   โดยอยากเห็นอุตสาหกรรมใหญ่ จับมือร่วมกับเอสเอ็มอีที่เป็นซัพพลายเออร์  แลกเปลี่ยนความรู้กันมากขึ้น  เช่นเดียวกับภาคการศึกษา ที่ผลิตคนไปตามใจตัวเอง  แต่ต้องให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม   ขณะที่ภาครัฐ ต้องการดึงอุตสาหกรรมต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ต้องดูว่าเราได้ประโยชน์อะไร  อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเวิล์ดคลาส ไฮสแตนดาร์ท  เราต้องพยายามดึงองค์ความรู้มาใช้ประโยชน์  

ทั้งนี้ข้อมูลจากบริษัทวิจัย แมคแคนซี  ระบุว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกกระจุกไม่กี่ประเทศ   และที่มีอยู่ไม่แข็งแรง   เนื่องจากซัพพพลายเชนยาวมาก   ไทยเป็นหนึ่งประเทศที่มีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์การกระจุกตัว   ซึ่งหากรัฐบาลจะดึงต่างประเทศมาลงทุน   รัฐบาลจะดูแลอย่างไร  จะทำอย่างไรให้เขาแข็งแรง   ภาคอุตสาหกรรมต้องมีความร่วมมือ  รายใหญ่ต้องช่วยรายเล็ก  ทุกคนได้ผลประโยชน์ร่วมกัน    อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยใหญ่มาก  แม้ว่าจะอยู่ในของการกระจุกแต่มีความเข้มแข็งก็สามารถอยู่ได้   เพราะฉะนั้นพาร์ทเนอร์ชิป จึงมีความสำคัญ  

สำหรับการเปลี่ยนแปลงการเมือง ไม่มีผลมากกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์   โดยที่ผ่านมาการเมืองสีเสื้อ   ผ่านทั้งน้ำท่วม ซึ่งสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว  โดยมีรัฐบาลให้ความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับโควิด  อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะรัฐบาลก็ช่วยเหลือ     แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะมาจากกลุ่มไหน   เราก็ได้รับการยอมรับจากประเทศ ว่าประเทศไทยคือเดอะเบสต์