ไทย–เอฟตา เจรจา FTA รอบ 3 คืบตั้งเป้าสรุปผลปี 67

31 ม.ค. 2566 | 18:00 น.

ไทย–เอฟตา เจรจา FTA รอบ 3 คืบตั้งเป้าสรุปผลปี 67 พร้อมวางแผนการเจรจาในปีนี้อีก 4 รอบ จัดประชุมทุก 2 – 3 เดือน มุ่งเจรจาคืบหน้าและบรรลุตามเป้าหมายโดยเร็ว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) รอบที่ 3ช่วงปลายเดือนมกราคาที่ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ หลังจากที่ไทยและ EFTA (เอฟตา) ซึ่งประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ได้เปิดการเจรจา FTA ในเดือนมิถุนายน 2565 และได้ประชุมไปแล้ว 2 รอบ เมื่อเดือนมิถุนายนและพฤศจิกายน 2565

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

 

โดยการเจรจาครั้งนี้ เป็นการหารือทั้งในระดับหัวหน้าคณะเจรจาและระดับกลุ่มย่อย กันายมาร์คัส เชอร์ลาเกนฮอฟ เอกอัครราชทูตผู้แทนสมาพันธรัฐสวิสด้านความตกลงการค้าและหัวหน้าฝ่ายการค้าโลกภายใต้คณะกรรมการกิจการเศรษฐกิจต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่าย EFTA

สำหรับการหารือระดับกลุ่มย่อย ฝ่ายไทยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น

 

ไทย–เอฟตา เจรจา FTA รอบ 3 คืบตั้งเป้าสรุปผลปี 67

 

“การเข้าร่วมหารือในประเด็นสำคัญ 15 เรื่อง ได้แก่ การค้าสินค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การอำนวยความสะดวกทางการค้าและพิธีการศุลกากร มาตรการเยียวยาทางการค้า มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรการอุปสรรคเทคนิคต่อการค้า การค้าบริการ การลงทุน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทรัพย์สินทางปัญญา การแข่งขัน การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือด้านเทคนิคและการเสริมสร้างศักยภาพ และการระงับข้อพิพาท”

ไทย–เอฟตา เจรจา FTA รอบ 3 คืบตั้งเป้าสรุปผลปี 67

 

สำหรับการหารือครั้งนี้ มีความคืบหน้าด้วยดี ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าจะสรุปผลการเจรจาภายในปี 2567 และวางแผนจะต้องประชุมทุกๆ 2 – 3 เดือน เพื่อให้การเจรจามีความคืบหน้าบรรลุตามเป้าหมาย โดยในปีนี้ จะมีการเจรจาอีก 4 รอบ คือ เดือนเมษายน มิถุนายน กันยายน และพฤศจิกายน

ทั้งนี้ ในปี 2565 การค้าระหว่างไทยและเอฟตา มีมูลค่า 11,579 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 54% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปเอฟตา มูลค่า 3,749 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 120% สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้สำหรับเดินทาง และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และไทยนำเข้าจากเอฟตา มูลค่า 7,830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 34% สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม