นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) รอบที่ 3ช่วงปลายเดือนมกราคาที่ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ หลังจากที่ไทยและ EFTA (เอฟตา) ซึ่งประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ได้เปิดการเจรจา FTA ในเดือนมิถุนายน 2565 และได้ประชุมไปแล้ว 2 รอบ เมื่อเดือนมิถุนายนและพฤศจิกายน 2565
โดยการเจรจาครั้งนี้ เป็นการหารือทั้งในระดับหัวหน้าคณะเจรจาและระดับกลุ่มย่อย กันายมาร์คัส เชอร์ลาเกนฮอฟ เอกอัครราชทูตผู้แทนสมาพันธรัฐสวิสด้านความตกลงการค้าและหัวหน้าฝ่ายการค้าโลกภายใต้คณะกรรมการกิจการเศรษฐกิจต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่าย EFTA
สำหรับการหารือระดับกลุ่มย่อย ฝ่ายไทยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น
“การเข้าร่วมหารือในประเด็นสำคัญ 15 เรื่อง ได้แก่ การค้าสินค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การอำนวยความสะดวกทางการค้าและพิธีการศุลกากร มาตรการเยียวยาทางการค้า มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรการอุปสรรคเทคนิคต่อการค้า การค้าบริการ การลงทุน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทรัพย์สินทางปัญญา การแข่งขัน การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือด้านเทคนิคและการเสริมสร้างศักยภาพ และการระงับข้อพิพาท”
สำหรับการหารือครั้งนี้ มีความคืบหน้าด้วยดี ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าจะสรุปผลการเจรจาภายในปี 2567 และวางแผนจะต้องประชุมทุกๆ 2 – 3 เดือน เพื่อให้การเจรจามีความคืบหน้าบรรลุตามเป้าหมาย โดยในปีนี้ จะมีการเจรจาอีก 4 รอบ คือ เดือนเมษายน มิถุนายน กันยายน และพฤศจิกายน
ทั้งนี้ ในปี 2565 การค้าระหว่างไทยและเอฟตา มีมูลค่า 11,579 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 54% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปเอฟตา มูลค่า 3,749 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 120% สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้สำหรับเดินทาง และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และไทยนำเข้าจากเอฟตา มูลค่า 7,830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 34% สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม