สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 2.46 ดอลลาร์ หรือ 3.12% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ดิ่งลง 2.62 ดอลลาร์ หรือ 3.07% ปิดที่ 82.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ ( EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 2.3 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2550 พร้อมกับส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติให้โอเปกพลัสคงนโยบายปัจจุบันในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566
ทั้งนี้ คณะกรรมการ JMMC จะจัดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 3 เม.ย.