นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวปี2565 พบว่า อันเดียยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกปริมาณ21.94ล้านตัน เพิ่มขึ้น8.2% ตามด้วยไทย ที่ส่งออกได้เกินเป้าที่7.69ล้านตันเพิ่มขึ้น22.2% และเวียดนามปริมาณส่งออก7.10ล้านตันเพิ่มขึ้น12.5% ปากีสถาน ปริมาณส่งออก4.27ล้านตัน เพิ่มขึ้น7.6% และสหรัฐฯ ปริมาณ 2.12% ลดลง26.9% โดยคาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี2566ที่503ล้านตัน ลดลง2.3%จากปี2564ที่มีปริมาณรวม514ล้านตัน เช่นเดียวกับการบริโภคข้าวโลกลดลง0.5%
สำหรับสถานการณ์ข้าวไทยในปีนี้ เดือนมกราคาไทยส่งออกได้706,380ตัน เดือนก.พ.(1-13ก.พ.) ปริมาณ281,110ตัน รวมตั้งแต่1ม.ค.13ก.พ. ไทยส่งออกข้าวร่วม987,491แสนตันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน12.5% ทั้งนี้สาเหตุมาจนกค่าเงินที่ผันผวนซึ่งส่งผลต่อการส่งออกข้าว โดยปีนี้สมาคมตั้งเป้าส่งออกข้าวที่7.5ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า1.38ล้านบาท หรือ3,800ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น ข้าวนึ่ง 1.5ล้านตัน ข้าวหอมมะลิ 1.5ล้านตัน ข้าวหอมไทย 0.5ล้านตัน ข้าวเหนียว0.3ล้านตัน และข้าวขาว3.7ล้านตัน
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกข้าวไทย หลักๆคือเรื่องเสถียรภาพของค่าเงินบาท โยอยากให้รัฐบาลหรือแบงก์ชาติให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพค่าเงินไม่ให้มีความผันผวนมาก เพราะการที่บาทแข็งหรือบาทอ่อนไม่ได้ส่งผลดีคต่อการส่งออก สิ่งที่ผู้ส่งออกอยากได้คือความเสถียรของค่าเงินมากกว่า เพราะที่ค่าเงินอ่อนแข่งค่าทุก1บาทมีจะผลต่อราคาข่าว15ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ทั้งนี้อัตราแลกเปลี่ยนที่ควรจะอยู่ตรงการและผู้ส่งออกพอใจคือระดับ34-35บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเป็นเรทที่ดีที่สุด
สำหรับราคาข้าวFOB ข้าวขาว5% ของไทย อยู่ที่465-470ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากเดิมราคาอยู่ที่480-490ดอลลาราสหรัฐต่อตัน(ราคา ณ เดือนมกราคม) ส่วนราคาข้าวขาวเวียดนาม อยู่ที่450ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และอินเดียอยู่ที่430ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาข้าววันนี้ถือว่าไทยสามารถแข่งขันได้และมั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีที่ได้ตามทเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนราคาข้าวหอมมะลิ อยู่ที่850-870ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลง30ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
“การเมืองมีผลต่อการส่งออกไทย ซึ่งรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะต้องไม่บิดเบือนราคาหรือกลไกตลาด เพราะถ้าทำแบบนั้นจะเกิดปัญหาแน่นอน ถ้ารัฐบาลเข้ามาควรทำเรื่องมาตรการอื่นๆเช่น ประกันรายได้ ชดเชยไร่ละพัน มาตรการอะไรที่ไม่บิดเบือนราคา ก็โอเคไม่กระทบกะบการาส่งอออก”