ด้วยตัวเลขธุรกิจพลังงานทดแทน หรือ พลังงานทางเลือก ในปี 2593-2608 ในประเทศไทย มีการประมาณการณ์กันว่ามีมูลค่าทางธุรกิจสูงถึง 0.8-1.8 แสนล้านบาท นั้นจึงเป็นที่มาบรรดาผู้ประกอบอการด้านพลังงานขยายต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเติมหนึ่งในนั้นมีชื่อ บริษัท บีกริม เพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM รวมอยู่ด้วย
บี.กริม สยายปีกทั่วโลก
ถ้าจำกันได้เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มาเยือนประเทศไทย ได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นสักขีพยานบันทึกข้อตกลงระหว่าง บี.กริม เพาเวอร์ กับ ทีเอ็นบี เพาเวอร์ เจนเนอเรชั่น เอสดีเอ็น. บีเอชดี. บริษัทย่อยของการไฟฟ้าแห่งชาติมาเลเซีย (Tenaga Nasional Berhad: TNB) เพื่อนำเข้าพลังงานหมุนเวียน (พลังงานน้ำ ลม และแสงอาทิตย์) 200 เมกะวัตต์ โครงการเชื่อมโยงระบบพลังงาน ลาว-ไทย-มาเลเซีย และ ร่วมกันพัฒนาโครงการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปิดดีลพลังงานหมุนเวียนในอิตาลี
ไม่เพียงเท่านี้ บี.กริม. ปิดดีลซื้อกิจการ RES Company Sicilia S.r.l. ซื้อหุ้น 100% ใน RES Company Sicilia S.r.l บริษัทประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนในประเทศอิตาลี โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 10,000 ยูโร เพื่อขยายธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศอิตาลี มุ่งสู่เป้าหมาย Net-Zero นอกจากนี้ บี.กริม ยังอยู่ระหว่างศึกษาและดำเนินการเพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป เช่น สเปน กรีซ โปแลนด์ เป็นต้น
ชูยุทธศาสตร์ใหม่ GreenLeap
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีกริม เพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตจาก 3,338 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2565 เป็น 4,700 เมกะวัตต์ ในปี พ.ศ.2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี ค.ศ.2030 (พ.ศ.2573) ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ GreenLeap ยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลกกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ
ผ่าอาณาจักร “บี.กริม”
เมื่อพลิกไปดูงบการเงินของ บี.กริม ที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย งบ 9 เดือน 2565 (30 ก.ย.2565) สินทรัพย์รวม 174,760.70 ล้านบาท ,หนี้สินรวม 130,937.14 ล้านบาท , รายได้รวม 48,557.53 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ (ขาดทุนสุทธิ) 699.20 ล้านบาท
รู้จัก “บี.กริม”
บี.กริม เริ่มต้นบุกเบิก ในปี พ.ศ.2421 หรือ ค.ศ. 1878 ชาวยุโรปสองคน คนแรกเป็นเภสัชกรชาวเยอรมันชื่อ แบร์นฮาร์ด กริม หุ้นส่วนอีกหนึ่งคนเป็ฯชาวออสเตรีย ชื่อ แอร์วิน มุลเลอร์ ได้เดินทางมายังประเทศไทยและก่อตั้งห้างจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและเคมีภัณฑ์ขึ้นที่ถนนโอเรียนเต็ล ห้างนี้ชื่อว่าสยามดิสเป็นซารี่ ถือเป็นร้านยาในรูปแบบแพทย์สมัยใหม่แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยความรู้ ความสามารถและความชำนาญในวิชาชีพของบุคคลทั้งสอง จึงทำให้เป็นที่รู้จักและได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เภสัชกรหลวงแห่งราชสำนักไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
ผงาด “ธุรกิจพลังงาน”
หลัง บี.กริม เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นได้แตกแขนงก้าวสู่ธุรกิจพลังาน โดยใน พ.ศ. 2531 เป็นต้นมา กลุ่มบริษัทบีกริมภายใต้การบริหารของ ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ บุตรชายของ ดร. เกฮาร์ด ลิงค์ เดินหน้าขยายกิจการไปสู่ธุรกิจด้านพลังงาน, อุตสาหกรรมการผลิตและอสังหาริมทรัพย์
ผ่าโครงสร้าง บี.กริม
บี.กริม เพาเวอร์ ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานเน้นการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมและพลังงานหมุนเวียน ส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้เข้าซื้อกิจการโรงผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมและมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก ปัจจุบัน บริษัทฯ จำหน่ายไฟฟ้าไปสู่โครงข่ายไฟฟ้าที่ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 300 ราย
ไม่เพียงเท่านี้ บี.กริม เพาเวอร์ ดำเนินการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลายหลายชนิด ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังน้ำ และ พลังงานลม รวมถึงได้ใบอนุญาตจัดหาค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) ซึ่งเข้ามาช่วยรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 3,338 เมกะวัตต์ แล ะมีเป้าหมายที่จะได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ. 2573 และ ตั้งเป้าที่จะเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero Carbon Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2593.