นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ถึงกรณีที่รัฐบาลกำหนดการการยุบสภาจะมีภายในเดือนมีนาคม 2566 ส่วนกรอบเวลาเลือกตั้งเป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศไว้ คือ 7 พฤษภาคม 2566 นั้นแน่นอนว่าเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตานักลงทุน ที่ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งที่มาจากประชาธิปไตย
ส่วนจะเกิดสูญญากาศในช่วงที่ไม่มีรัฐบาลหรือมีรัฐบาลรักษาการนั้น ภาคเอกชนไม่ห่วงเพราะเชื่อว่าโครงการใหญ่ๆที่สำคัญน่าจะถูกผลักดันให้มีการลงนามก่อนจะมีการยุบสภาแน่นอนและหาจะเกิดสูญญาณกาศน่าจะเป็นช่วงระยะสั้นๆเท่านั้น
“ในเชิงระหว่างประเทศมองน่าจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่นักลงทุนมองเข้ามาในเรื่องของการมีประชาธิปไตยว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ก่อเกิดความขัดแย้ง ก็เหลือในประเทศที่เวลานี้เป็นเวลาและโอกาสของประชาชนที่จะเลือกผู้แทนเข้ามาพัฒนามาบริหารประเทศอย่างไร และเชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งแล้วรัฐบาลจะสามารถจัดตั้งได้เพราะรอบนี้มีการแข่งขันที่ต่างฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์มาใช้ในการหาเสียงเอาผลงานมาแข่งขันมากกว่าสาดโคลนใส่กัน ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนเองก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลชุดใหม่ในการเดินหน้าพัฒนาประเทศด้วยกัน”