นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและกระตุ้นธุรกิจฟู้ดทรัคของไทยให้ฟื้นคืนชีพ หลังการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ โดยชาวต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ กระทรวงพาณิชย์จัดงาน ช็อป ชิม เพลิน เดินชิลล์ Food Truck & SME ที่ไอคอนสยาม ระหว่างวันที่ 22 - 26 กุมภาพันธ์
โดยไฮไลท์ของงานอยู่ที่การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการฟู้ดทรัคและเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น เนื่องจากพบว่า จุดอ่อนสำคัญของธุรกิจฟู้ดทรัคและเอสเอ็มอี คือ การขาดสภาพคล่องทางการเงินและเงินทุนหมนุเวียนที่ใช้ในการต่อยอดธุรกิจหรือปัญหาในการขอสินเชื่อเพื่อออกรถฟู้ดทรัคคันใหม่
กรมฯ จึงได้เชิญสถาบันการเงิน 5 แห่ง เข้าร่วมงานฯ ประกอบด้วย ธ.กรุงไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.ออมสิน ธ.ทหารไทยธนชาต และ ธ.ยูโอบี มาให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการขอสินเชื่อ การจัดทำแผนธุรกิจประกอบการขอสินเชื่อ การสร้างเครดิตที่ดีแก่ธุรกิจ และพิเศษเหนือใคร คือ การพิจารณาสินเชื่อเป็นกรณีพิเศษแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน
เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งทุนตามความเหมาะสม ขณะเดียวกัน ผู้เข้าร่วมงานทั้งผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปก็สามารถขอคำปรึกษาและวางแผนการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมงานได้ฟรี!! โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถเข้ารับคำปรึกษาแนะนำในการประเมินราคาทรัพย์สินที่จะมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจจากทีมนักประเมินราคาจากสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการฟู้ดทรัคของไทยให้มีพื้นที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เปิดตลาดสินค้าเพื่อสร้างความรับรู้และจดจำแบรนด์แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะนักชิมที่ชื่นชอบการลิ้มรสอาหารสไตล์ฟู้ดทรัคและสตรีทฟู้ด หวังผลให้เกิดการบอกต่อและกลับมาซื้ออาหารและเครื่องดื่มซ้ำอย่างต่อเนื่อง สร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการและธุรกิจฟู้ดทรัคระยะยาว ภายในงาน ยังได้นำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาจำหน่ายสินค้าพรีเมียมราคาพิเศษแก่ผู้เข้าร่วมงาน เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน เครื่องจักรสาน อาหารและขนม ของดีประจำจังหวัด ฯลฯ เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์และขยายตลาดให้ผู้ประกอบการชุมชนอีกทางหนึ่ง
“ การจัดงานฟู้ดทรัคครั้งนี้ นับเป็นมหกรรมฟู้ดทรัคที่น่าเดินที่สุดแห่งหนึ่งในย่านฝั่งธนบุรี โดยรวบรวมผู้ประกอบการฟู้ดทรัคของไทยกว่า 65 ร้านค้า มาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายสไตล์ให้นักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศ ประกอบด้วย อาหารไทย อาหารอินเตอร์ อาหารว่าง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม โดยผู้ประกอบการทั้ง 65 ร้านค้า จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้บริการตลอดการจัดงานทั้ง 5 วัน (วันละ 20 ร้านค้า) เพื่อให้ผู้บริโภคได้พบกับมิติใหม่ของการทานอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ซ้ำแบบเดิมๆ”
ด้านนายญาณเดช ศิรินุกูลชร ประธาน TBIC Food Truck Thailand กล่าวว่าสถานการณ์ของธุรกิจฟู้ดทรัค ในปี 2566 มีแนวโน้มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงต้นปีและช่วงเทศกาลสำคัญๆ ที่งานอีเว้นท์และพื้นที่ตลาดมีความต้องการให้รถฟู้ดทรัคมาจอดขายในพื้นที่จำนวนมาก อีกทั้งการท่องเที่ยวของไทยภาพรวมดีขึ้น กลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนทยอยเดินทางเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง บวกกับแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าปี 2566 การขยายของธุรกิจฟู้ดทรัคจะกลับมาเติบโต10 – 15% โดยประมาณการรถฟู้ดทรัคในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,300 คัน (ปี 2564 มีรถฟู้ดทรัคในไทยประมาณ 2,800 คัน ปี 2565 มีประมาณ 3,000 คัน) ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างเงินหมุนเวียนจากการขายอาหาร/เครื่องดื่มภายในประเทศ ไม่ต่ำกว่า 3,600 ล้านบาท
โดยฟู้ดทรัคในไทยมีสัดส่วนแบ่งตามประเภทรถ ได้ดังนี้ รถกระบะ 86% รถคลาสสิค 6% รถเทรลเลอร์ 4% รถสามล้อ 2% และ รถอื่นๆ 2% และมีสัดส่วนของประเภทสินค้า ดังนี้ เครื่องดื่ม 25% อาหารอินเตอร์ 23% อาหารไทย 22% อาหารว่าง 15% และ ของหวาน 15%
ทั้งนี้ กรมฯ ยังคงร่วมมือกับพันธมิตรเดินหน้าแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการฟู้ดทรัค ทั้งเรื่องการเพิ่มประสบการณ์ด้านการขายและขยายฐานลูกค้า การเพิ่มยอดขายแม้ผลกำไรจะลดลงบ้างเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เพิ่มองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจและขยายกิจการ
โดยส่งเสริมและผลักดันธุรกิจฟู้ดทรัคเป็นหลักประกันทางธุรกิจประเภทกิจการ สร้างความมั่นใจช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินในการพิจารณารับธุรกิจฟู้ดทรัค เป็นหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีเพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เบื้องต้น สถาบันการเงินรายย่อย มีการรับกิจการมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2566) จำนวน 9,555 สัญญา มูลค่ารวม 1,396 ล้านบาท