นายจุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด เปิดเผยว่า โก๋แก่ มีสินค้าที่ครอบคลุมกับ “ถั่ว” หลายประเภททั้งส่งออกและตลาดในประเทศ ซึ่งปัจจุบันภาพการแข่งขันในตลาดถั่วสแน็คต้องยอมรับว่ามีคู่แข่งเข้ามาในตลาดจำนวนมาก ส่วนผู้เล่นรายเก่าแทบหายใจรดต้นคอกันทั้งถั่วปากอ้า ถั่วลันเตา ถั่วเหลืองและเมล็ดทานตะวัน ซึ่งโก๋แก่ ได้ปรับตัวพัฒนาสินค้าใหม่ๆที่มีความพรีเมียมมากขึ้น
โดยวัตถุดิบส่วนใหญ่ 80-90% เป็นการนำเข้าจากอินเดียและจีน ส่วนอีก10-20% มาจากคอนแทรคฟาร์มมิ่งในประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทั้งราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น บวกราคาพลังงานที่ดีดตัวขึ้นเช่นกัน รวมๆราคาต้นทุนปรับตัวขึ้นถึง 23-24% ส่งผลทำให้กำไรของตลาดถั่วลดน้อยลงเหลือ 7-8% รวมทั้ง โก๋แก่ ที่รายได้ลดลงจาก 2,500 ล้านบาท และลดลงมาเหลือ 2,100 ล้านบาท
สำหรับปี 2566 นี้ บริษัทยังคงยืนเป้าหมายรายได้ 1 หมื่นล้านบาทภายใน 5-10 ปี โดยในปีนี้สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย โก๋แก่จะกลับมาลงทุนขยายกิจการอย่างเต็มกำลังในหลายๆส่วนอีกครั้ง โดยเน้นไปที่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มถั่วและที่ไม่ใช่ถั่ว ควบคู่ไปกับการทำตลาดผ่านช่องทางที่หลากหลาย และบุกตลาดต่างประเทศเพื่อเพิ่มสัดส่วนเป็นมากกว่า 50% จากก่อนหน้าอยู่ที่กว่า 20% และลดลงมาอยู่ที่ 12-15% ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19
“ปีนี้เราจะกลับมาเปิด “โก๋ช็อป” ขายสินค้าในเครืออีกครั้งหลังจากปิดตัวไปในช่วงโควิดเหลือเพียง 2 สาขา คือ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ และจตุจักร จากเดิมที่เรามี 10 สาขา เพราะลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวจีนพอโควิดดีขึ้นจีนเริ่มเปิดประเทศนักท่องเที่ยวน่าจะเริ่มกลับเข้ามาในช่วงไตมาส 2 เป็นต้นไป ส่วนทำเลที่กลับมาเปิดต้องดูจังหวะและสถานที่ที่คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก และโมเดลใหม่คือ “ฟู้ดทรัค” ไปออกบูธตามอาคารสำนักงาน เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และร้าน “โก๋ นม ถั่ว” แบรนด์ชานมไข่มุก ที่ใช้นมอัลมอนด์ นมถั่วลิสงแทน และไอศครีมแบบซันเดย์ ไว้จับตลาดคนรุ่นใหม่ๆ และตั้งเป้าการโตในประเทศ 10% ”
นอกจากออกสินค้าใหม่และโมเดลร้านค้าใหม่ไว้ดักนักท่องเที่ยวจีนที่จะกลับเข้ามาแล้ว ในส่วนของการส่งออก จีนยังคงเป็นเป้าหมายหลักเช่นเดียวกัน โดยก่อนโควิดบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกไปต่างประเทศ 20% มูลค่ากว่า500ล้านบาท และกว่า 50% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดเป็นตลาดจีน หรือมูลค่าประมาณ 200-300 ล้านบาท ก่อนลดลงมาอยู่ที่ 12-15%ในช่วงโควิด ซึ่งบริษัทได้หันไปเปิดตลาดใหม่ๆในยุโรป เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปของตลาดจีน อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีนี้ตลาดส่งออกจะสามารถรีคัฟเวอร์ได้ทั้งหมดในปีนี้
“ตลาดต่างประเทศในปี 2566 นี้ จะเน้นการออกสินค้ารสชาติใหม่ที่เข้ากับแต่ละภูมิภาคของประเทศจีน ทำรสชาติให้มีความเป็นท้องถิ่นมากกว่าเดิม ที่สำคัญคือการใช้พรีเซนเตอร์เป็นนักแสดงชายจากซีรีย์วาย ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในจีนมาช่วยในการทำการตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนเมษา-พฤษภาคม 2565 นี้"