“สวทช.” จ่อเปิดงาน NAC2023 โชว์ขุมพลังวิจัย ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG

01 มี.ค. 2566 | 09:23 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มี.ค. 2566 | 09:49 น.

“สวทช.” เล็งจัดงาน NAC2023 โชว์ขุมพลังวิจัย ดันขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG เริ่มวันที่ 28-31 มี.ค.นี้ พร้อมเปิดโอกาสเอกชนร่วมกิจกรรม ต่อยอดธุรกิจ

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สวทช. เตรียมจัดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 (18th NSTDA Annual Conference: NAC2023) ภายใต้แนวคิด “สวทช. : ขุมพลังหลัก วทน. เร่งการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG สู่ความยั่งยืน” (NSTDA: STI powerhouse to drive BCG economy for Thailand's sustainable development) โดยจัดออนไซต์เต็มรูปแบบที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคมนี้ โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่ www.nstda.or.th/nac

“สวทช.” จ่อเปิดงาน NAC2023 โชว์ขุมพลังวิจัย ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ต่อประชาชนได้เข้าไปหาความรู้ พร้อมอัพเดตเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการนำผลงานวิจัยของ สวทช. ไปต่อยอดในเชิงธุรกิจ และแสดงให้เห็นศักยภาพของนักวิจัยไทยที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วย 
 

ศาสตราจารย์ดร.ชูกิจ กล่าวต่อว่า ธีมการจัดงานปีนี้ คือ สวทช. ขุมพลังหลัก วทน. เร่งการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG สู่ความยั่งยืน ดังนั้นในปีนี้ สวทช. และพันธมิตร มีตัวอย่างความสำเร็จจากการขับเคลื่อน BCG ในภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในเชิงงานวิจัย เช่น การพัฒนาอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงการพัฒนาเชิงพื้นที่ที่นำแนวคิด BCG Economy Model ไปปรับใช้ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจาก “มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี

 

 นอกจากนี้การนำงานวิจัยไปขับเคลื่อนโมเดล BCG เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศแล้ว เรื่องของการขับเคลื่อนงานวิจัย NSTDA Core Business ซึ่งจะเป็น 1 ในไฮไลท์ของงาน NAC2023 ด้วย 

“สวทช.” จ่อเปิดงาน NAC2023 โชว์ขุมพลังวิจัย ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG

สวทช.เปิดกลยุทธ์ NSTDA Core Business นำพลังวิจัย รับใช้สังคมและได้คัดเลือกงานวิจัยที่เป็นความเชี่ยวชาญและตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมี 4 เรื่องหลัก คือ

1.Traffy Fondue แพลตฟอร์มบริหารจัดการปัญหาเมือง 2.Digital Healthcare Platform แพลตฟอร์มแก้ปัญหาการบริการด้านสาธารณสุขของประเทศ

3.FoodSERP แพลตฟอร์มให้บริการผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชัน ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และผลิตภัณฑ์กลุ่มสารให้ประโยชน์เชิงหน้าที่ (Functional ingredient) ในรูปแบบ One stop service

4.Thailand i4.0 Platform แพลตฟอร์มให้บริการ Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตแบบครบวงจร
 

ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. กล่าวว่า การจัดงาน NAC2023 ในปีนี้จัดออนไซต์เต็มรูปแบบหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีโอกาสเต็มอิ่มกับเนื้อหาสาระที่ สวทช. เตรียมมานำเสนอ โดยเฉพาะหัวข้อการสัมมนาที่มีมากถึง 40 หัวข้อ ตัวอย่าง เช่น พลิกโฉมการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCGการปรับเปลี่ยนของอุตสาหกรรมยาไทยหลังโควิด 

“สวทช.” จ่อเปิดงาน NAC2023 โชว์ขุมพลังวิจัย ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG

นอกจากนี้ที่สำคัญคือนิทรรศการกว่า 70 ผลงาน ประกอบด้วยโซน 6 โซน ได้แก่ 1. เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ  2. NSTDA Core business 3. BCG Economy Model แบ่งเป็น 4 กลุ่มได้แก่ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 4. วทน.ยกระดับคุณภาพชีวิต 5. ระบบบริการโดย สวทช. และ 6. เทคโนโลยีพร้อมถ่ายทอดสู่เชิงพาณิชย์ โดยในนิทรรศการแต่ละเรื่องจะมีนักวิจัยเจ้าของผลงานมานำเสนองานวิจัยเพื่อตอบทุกข้อคำถามของผู้เข้าร่วมงานที่สนใจช้อปปิ้งงานวิจัย หรือสนใจรับถ่ายทอดเทคโนโลยี ชมฟรีตลอดงานทั้ง 4 วัน

 

ดร.วรรณพ กล่าวต่อว่า กิจกรรมที่น่าสนใจคือ  Open House หรือการเปิดบ้านให้ผู้ประกอบการ และ นักลงทุนได้เยี่ยมชมจากการนําเสนอเทคโนโลยีจากความชำนาญของห้องปฏิบัติการชั้นนำ โดย สวทช. และประชาคมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ร่วมเปิดบ้านต้อนรับนักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม และนักลงทุน ที่มีความสนใจ ได้เข้าเยี่ยมชมเทคโนโลยีจากศักยภาพของบุคลากรวิจัยและห้องปฏิบัติการ สวทช. ตลอดจนนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ธุรกิจจากบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี ที่จะเป็นตัวช่วยให้การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปเพิ่มศักยภาพและกำไรให้กับธุรกิจ

 

ส่วนกิจกรรม ‘R&D Pitching’ จะจัดใน 2 วันคือ วันที่ 29-30 มีนาคม ซึ่งจะได้พบกับการนำเสนองานวิจัยและแอดวานซ์เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม (Advanced Technology Platform) ที่พร้อมร่วมมือต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมกับภาคอุตสาหกรรมใน 4 กลุ่ม ครอบคลุม Food Technology, Advanced Biotechnology, Digital 4.0 Plus และ Cosmetic Technology  

 

อย่างไรก็ตามการจัดงานครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้าร่วมกิจกรรมการนำเสนอจากนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ  รวมถึงการจับคู่ธุรกิจ (business matching) ในหัวข้อที่สนใจจะพัฒนาความร่วมมือ ดังนั้นนอกจากได้เติมความรู้แล้วยังได้สัมผัสงานวิจัยของจริง พร้อมกับแลกเปลี่ยนมุมมองกับนักวิจัยเจ้าของผลงานอย่างใกล้ชิดด้วย