ปีนี้ มีข่าวร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดในช่วงที่ต้นทุนการผลิตทั่วโลกสูงขึ้น ทั้งการประกาศขายกิจการร้านแซนวิชดัง “ซับเวย์” เมื่อเดือนกุมพาพันธ์ และปิดสาขาครั้งใหญ่ในสหรัฐ ของ “เบอร์เกอร์ คิง” ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคม และจะทยอยปิดตัวลงอีกในเดือนนี้ ทำให้พนักงานนับร้อยคนถูกเลิกจ้าง
ล่าสุด ถึงคิวของ “แมคโดนัลด์” ที่จะปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ ด้วยการเลิกจ้างพนักงาน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพนักงานทั้งที่ปฏิบัติงานในสหรัฐ และต่างประเทศ ได้รับอีเมลจากบริษัท ระบุว่าขอให้พวกเขาทำงานจากที่บ้านตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธ และให้พนักงานยกเลิกการประชุมทั้งในและนอกบริษัทไปก่อน เพื่อบริษัทจะได้ใช้เวลานี้ตัดสินใจเรื่องการปรับพนักงาน ส่วนจะเลิกจ้างจำนวนเท่าใดนั้นยังไม่สามารถตอบได้
โดยสัปดาห์นี้บริษัทจะแจ้งเกณฑ์การตัดสินใจ โดยพิจารณาทั้งจากบทบาทหน้าที่ และระดับปฏิบัติงานของพนักงาน คาดว่าแมคโดนัลด์จะเริ่มประกาศภายในวันนี้ (3 เมษายน 66)
“คริส เคมป์ซินสกี้” ซีอีโอแมคโดนัลด์ เคยประกาศไว้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า วันที่ 3 เมษายน บริษัทจะทบทวนตำแหน่งของพนักงานขององค์กร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งอาจนำไปสู่การปลดพนักงานในบางประเทศ
เขายังระบุว่า “บางหน่วยหรือแผนกงานที่ทำมานาน จะถูกลดความสำคัญหรือปิดไปโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้จะช่วยให้เราก้าวไปได้เร็วขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายทั่วโลก และเพิ่มทรัพยากรเพื่อการลงทุนในอนาคตเพื่อสร้างการเติบโต”
“ถึงเวลาแล้วที่บริษัทจะต้อง สร้างสรรค์นวัตกรรมและประสิทธิภาพให้เกิดกับองค์กรมากขึ้น เขาคาดว่าจะประหยัดงบประมาณบริษัทจากการปรับโครงสร้างพนักงานครั้งนี้ แต่ไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียวจากการตัดงานที่เป็นที่ต้องการ”
เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อื่นๆ แมคโดนัลด์ เผชิญกับมรสุมทางเศรษฐกิจ ทั้งต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น บริษัทฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ มีพนักงานทั่วโลก 200,000 คน (ณ สิ้นปี 2564)
ข้อมูลจาก Investopedia พบว่าปีที่เเล้ว แมคโดนัลด์ที่ดำเนินธุรกิจโดย McDonald's Corp. เป็นร้านอาหารที่ทำรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก อยู่ที่ 2.33 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8 แสนล้านบาท ด้วยมูลค่าการตลาด หรือ มาร์เก็ตแคป 1.96 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.7 ล้านล้านบาท
มีจำนวนสาขามากกว่า 38,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศ เป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมอาหารจานด่วน ทุกปีบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับปานกลาง ด้วยจุดแข็งคือ "ราคาที่ทุกคนสามารถจ่ายได้ บริการที่รวดเร็ว จำนวนสาขาเยอะ และปรับปรุงเมนูอย่างต่อเนื่อง"
แม้ยังไม่มีความชัดเจน แต่คงต้องรอติดตามว่าแมคโดนัลด์ ในฐานะร้านฟาสต์ฟูดที่มีสาขามากที่สุดอันดับ 1 ของโลกจะเลิกจ้างพนักงานจำนวนเท่าใด และจะมีผลต่อการจ้างงานพนักงานทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน
ที่มา : Wall Street Journal , Reuters, WIONEWS, Click on detroit