นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเปิดเผยถึงผลสำรวจ พฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566ว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้คึกคัก ประชาชนส่วนใหญ่วางแผนเดินทางท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการท่องเที่ยวในประเทศนั้นส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางไปในจังหวัด ภาคกลาง
โดยสถานการณ์ PM 2.5 ไม่ได้มีผลกับการตัดสินใจท่องเที่ยวในประเทศ โดยรายจ่ายสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่คนละประมาณ 7,000 บาท ในขณะที่รายจ่ายอื่นๆไม่ว่าจะเป็นการจัดเลี้ยงสังสรรค์ ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาสินค้าที่แพงขึ้น ส่งผลทำให้ยอดเงินสะพัดช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.3 คิดเป็นมูลค่ากว่า 125,203 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ อยู่ในช่วงเดียวกันกับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จึงทำให้บรรยากาศและเม็ดเงินที่จะเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมีมากขึ้น คาดว่า จะช่วยทำให้เศรษฐกิจในช่วงระยะสั้นนี้คึกคัก สามารถกระตุ้น GDP ของประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4% และทั้งปียังคงประมาณการเดิมที่3-4% เนื่องจากยังคงมีปัจจัยที่น่าเป็นห่วง คือสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบกับการฟื้นตัวของการส่งออก และช่วงสูญญากาศทางเศรษฐกิจ ในระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การพิจารณางบประมาณอาจเกิดความล่าช้าได้