"ราคาทอง" นิวยอร์กปิดพุ่ง 30.40 ดอลลาร์รับค่าเงินอ่อน

14 เม.ย. 2566 | 01:05 น.
อัปเดตล่าสุด :14 เม.ย. 2566 | 01:05 น.

"ราคาทอง" นิวยอร์กปิดพุ่ง 30.40 ดอลลาร์รับค่าเงินอ่อน พร้อมคาดการร์เฟดเบรคขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า หลังจากเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 30.40 ดอลลาร์ หรือ 1.50% ปิดที่ 2,055.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2563

ด้านสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 46.70 เซนต์ หรือ 1.83% ปิดที่ 25.925 ดอลลาร์/ออนซ์
   
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 38 ดอลลาร์ หรือ 3.70% ปิดที่ 1,065.50 ดอลลาร์/ออนซ์
   
ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 39.70 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 1,495.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ สัญญาทองคำได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.47% แตะที่ 101.0259 เมื่อคืนนี้ 

โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้นเพียง 2.7% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 4.9% ในเดือนก.พ. โดยดัชนี PPI เดือนมี.ค.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3%

ด้านดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 5.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.1% และชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนก.พ.

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 239,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 เม.ย. จากระดับ 228,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 232,000 ราย
          
รายงาน FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลล่าสุดด้านแรงงานและเงินเฟ้อ นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 1 ใน 3 ที่เฟดจะระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. โดยคาดว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.75% - 5.00%