นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทำ FTA ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่าหลังจากที่เดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)ตั้งใจไปเจรจาทำ FTA ระหว่างไทยกับยูเออี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
หลังจากนั้น ภายใน 3 เดือนไทยและยูเออีสามารถตกลงกันได้ว่าจะมีการประกาศนับหนึ่งการเจรจายกร่าง FTA ระหว่างกันอย่างเป็นทางการ โดยได้นัดหมายกับรัฐมนตรีที่มีหน้าที่โดยตรงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อประกาศเจรจาในวันที่ 9 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ช่วงเที่ยง ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งที่เราสามารถทำ FTA กับยูเออีได้ภายในเวลา 3 เดือนหลังจากตนเดินทางไปเจรจา จะมีผลช่วยให้ได้แต้มต่อในการส่งสินค้าไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ถ้าไทยได้ภาษีเป็นศูนย์ในการส่งไปยูเออีหรือดูไบ จะได้สิทธิกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council หรือ GCC ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน) ไปด้วย
ปัจจุบันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับยูเออีตกปีละ 700,000 ล้านบาทและการค้าไทยกับยูเออีคิดเป็น 3.5% ของการค้าที่ไทยค้ากับโลก จะเป็นอีกก้าวสำคัญเป็นผลการทำงานหนักระหว่างตนกับเอกชนร่วมกันในช่วงปลายรัฐบาล มีผลสัมฤทธิ์ช่วยให้ปริมาณ FTA ที่เราทำตามหลังเวียดนามอีกนิดเดียว ก่อนหน้านี้เรามี FTA 14 ฉบับ 18 ประเทศ แต่หลังตนประกาศทำ FTA กับสหภาพยุโรป หรือ อียู 27 ประเทศ ทำให้บวกจาก 18 ประเทศ เป็น 45 ประเทศ และได้เป็น 46 ไล่หลังเวียดนาม จะมีส่วนช่วยสำหรับการสร้างอนาคตและสร้างเงินให้ประเทศอย่างยิ่งต่อไป
“หลังจากนับหนึ่ง FTA ไทย-ยูเออี วันที่ 9 พฤษภาคม จะลงลึกรายละเอียดในข้อตกลงว่าจะมีกี่ข้ออย่างไร ถือว่านับหนึ่งอย่างเป็นทางการระหว่าง 2 ประเทศเพราะยูเออีถือเป็นประเทศที่มีจีดีพีเกือบสูงที่สุดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางถือว่าไทยเดินมาถูกทางแล้วจะเป็นประตูไปสู่ตะวันออกกลาง