"ค่าไฟแพง" ถือเป็นเรื่องร้อนไม่แพ้อากาศในขณะนี้ เนื่องจากผู้ใช้ไฟต่างพากันโพสต์ภาพใบแจ้งค่าไฟฟ้าที่ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นหลายเท่า พร้อมยืนยันว่ามีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม ในขณะเดียวกันบรรดาพรรคการเมือง นักการเมืองต่างๆ ก็ล้วนพากันโชว์วิสัยทัศน์แก้ค่าไฟฟ้าราคาแพงกันยกใหญ่
การไฟฟ้านครหลวง(MEA) ได้ออกมายืนยัน ถึงสาเหตุที่ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นในช่วงอากาศร้อน หรือ ฤดูร้อน เป็นเพราะมีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น และยืนยันด้วยว่ายังไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า หรือ ค่าเอฟทีแต่อย่างใด โดยนายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง MEA ในฐานะโฆษก MEA ได้เปิดเผยถึงสาเหตุ ที่ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น เนื่องจากมีหน่วยการใช้ไฟที่เพิ่มขึ้น
สภาพอากาศที่ร้อนจัดของประเทศไทยในขณะนี้ ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำความเย็นต้องทำงานมากขึ้นและใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น โดยเห็นได้จากค่าพลังความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Maximum Demand) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ล่าสุด มีค่าเท่ากับ 8,904.66 เมกะวัตต์ เกิดขึ้นในวันที่ 18 เมษายน 2566 ซึ่งค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงสุด มักจะพบว่าอยู่ในช่วงฤดูร้อนทั้งสิ้น
นอกจากนั้น การไฟฟ้านครหลวง(MEA) ยังได้ทำการทดลอง เพื่อพิสูจน์ว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศในขณะที่อุณหภูมิภายนอกสูง หรืออากาศร้อน มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าสภาวะอากาศปกติหรือไม่
ผลการทดลองพบว่า การเปิดเครื่องปรับอากาศที่ ท่ามกลางอากาศร้อน ยิ่งทำให้กินไฟมากขึ้นจริง จากผลการทดลองพบว่า หากอากาศร้อนขึ้น 6 องศาเซลเซียส ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น 14%
ผลการเปิดเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU ตั้งค่าที่ 26 องศาเซลเซียส ที่อุณหภูมิภายนอก 35 องศาเซลเซียส
ผลการเปิดเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU ตั้งค่าที่ 26 องศาเซลเซียส ที่อุณหภูมิภายนอก 41 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ การเปิดปิดตู้เย็นบ่อยๆ การประกอบอาหารด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า การใช้น้ำอุปโภคบริโภคมากขึ้นทำให้ปั๊มน้ำทำงานมากขึ้น ล้วนทำให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน