นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเปิดเผยถึงกระแสข่าวการขอปรับขึ้นค่าน้ำประปา ในรอบ 23 ปีว่า หอการค้าฯ เข้าใจว่าต้นทุนส่วนหนึ่งของค่าน้ำประปามาจากค่าไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้น แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศระยะนี้กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา ประชาชนยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่ ส่วนภาคธุรกิจยังคงมีต้นทุนดอกเบี้ย ราคาวัตถุดิบ รวมไปถึงค่าไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูง ทำให้สภาพคล่องยังมีไม่มากนัก หากมีการปรับราคาค่าน้ำประปาในช่วงนี้จะกลายเป็นการซ้ำเติมภาระค่าใช้จ่ายให้ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ
ดังนั้น หอการค้าฯ มองว่ารัฐบาลควรเร่งเข้ามาช่วยดูแลต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถประคับประคองไปได้ก่อนในระยะสั้น ส่วนการปรับค่าน้ำประปาหากยังสามารถตรึงราคาไว้ได้จะช่วยแบ่งเบาภาระของทุกฝ่ายในช่วงนี้ออกไปก่อน
แต่หากจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องปรับขึ้นค่าน้ำประปาก็อยากเร่งรัดให้รัฐบาลเปิดเวทีรับฟังข้อเสนอของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุดโดยเฉพาะจัดตั้ง กรอ.พลังงาน ที่จะต้องดึงภาคเอกชน และประชาชน เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรึกษาหารือกันก่อน ว่าจะกำหนดโครงสร้างราคาไฟฟ้าและน้ำประปา ให้อยู่ในระดับใดจึงเหมาะสมและทุกฝ่ายยอมรับได้
สำหรับค่าใช้จ่ายและต้นทุนต่าง ๆ ที่สูงขึ้นในช่วงนี้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งในระยะยาวจะไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศชะลอลงแล้ว ในด้านขีดความสามารถของประเทศก็จะไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เพราะต้นทุนทั้งไฟฟ้าและน้ำสูงขึ้นพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ทั้งน้ำและไฟฟ้าเป็นปัจจัยหลักในการผลิต