เศรษฐกิจภาคเหนือโตต่อเนื่อง ธปท.เตือนระวังภัยทางการเงิน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ (ธปท. สภน.) โดยนางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือ ไตรมาส 1/2566 ชี้ว่า ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 1/2566 ชะลอลงเล็กน้อย แม้ฟื้นตัวดีในช่วงต้นปี แต่ชะลอลงจากปัญหาหมอกควันในช่วงปลายไตรมาส กระทบการท่องเที่ยวและบริโภค อย่างไรก็ดีภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว

ภาคท่องเที่ยวชะลอลง จากนักท่องเที่ยวไทยปรับลดลง หลังเร่งจัดกิจกรรมไปในไตรมาสก่อน รวมทั้งได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 2566 สะท้อนจากอัตราการเข้าพัก และการเดินทางทางอากาศปรับลดลง ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการเพิ่มเที่ยวบินตรงและการเปิดประเทศของจีน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน และมาเลเซีย

ขณะที่รายได้เกษตรขยายตัวต่อเนื่อง จากด้านผลผลิตที่ปรับดีขึ้น ทั้งข้าวนาปรังและอ้อยโรงงาน ตามปริมาณนํ้าชลประทานและสภาพอากาศเอื้ออำนวย ด้านราคาชะลอลงจากราคาอ้อยโรงงานส่วนหนึ่งจากฐานสูงในปีก่อน และปริมาณอ้อยไฟไหม้เพิ่มขึ้น ทำให้ราคารับซื้อลดลง อย่างไรก็ดี ราคาข้าว และมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นตามความต้องการจากต่างประเทศ

ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับดีขึ้น จากการผลิตหมวดอาหารที่ขยายตัวหลังจากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเกษตรคลี่คลาย และความต้องการยังมีต่อเนื่อง ด้านหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับดีขึ้นจากชิ้นส่วนยานยนต์

ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ เซรามิก เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ไม้ และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังหดตัวต่อเนื่องตามอุปสงค์คู่ค้าที่ชะลอตัว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น แม้การใช้จ่ายหมวดสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคลดลงจากปัญหาหมอกควันในพื้นที่ แต่การใช้จ่ายหมวดบริการโดยรวมขยายตัวจากการเร่งตัวในช่วงต้นปี

นอกจากนี้ หมวดสินค้าคงทนปรับดีขึ้นจากความต้องการในรถยนต์นั่ง และจักรยานยนต์ รวมถึงการส่งมอบที่ปรับดีขึ้น การลงทุนภาคเอกชนหดตัว ตามการนำเข้าสินค้าทุนที่หดตัว แต่เป็นผลจากฐานสูงในปีก่อน ที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีการเร่งนำเข้า ขณะที่ทิศทางการลงทุนในหมวดยานยนต์และเครื่องจักรกลปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ประกอบกับการลงทุนก่อสร้างปรับดีขึ้นจากยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง

การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัว ตามการเบิกจ่ายที่เพิ่มขึ้นทั้งงบประจำและงบลงทุน
    นางพรวิภา กล่าวต่อว่า ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภาคเหนือ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากไตรมาสก่อน ตามหมวดอาหารสดและพลังงาน ตลาดแรงงานฟื้นตัวต่อเนื่อง จำนวนผู้ว่างงานปรับลดลง

ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 2/2566 อยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับตลาดแรงงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง และรายได้เกษตรกรขยายตัวดี เป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภค แม้มี แรงกดดันจากค่าครองชีพที่ยังสูง ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การผลิตภาคอุตสาหกรรมคาดว่าขยายตัว จากอุตสาหกรรมอาหาร แต่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงฟื้นตัวช้าตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

นางพรวิภา กล่าวยํ้าด้วยว่า ช่วงนี้จะเห็นภัยทางการเงินใกล้ตัวเรามากขึ้น มีเรื่องที่ประชาชนต้องรู้เมื่อ พ.ร.ก. มาตร การป้องกันและปราบปรามอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี มีผลบังคับใช้ คือ

1) เมื่อถูกหลอกหรือสงสัยตกเป็นเหยื่อ ให้รับแจ้งธนาคารทันที เพื่อให้ระงับธุรกรรมชั่วคราว ซึ่งช่วยตัดตอนเส้นทางการเงินได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และแจ้งตำรวจอย่างรวดเร็ว

2) โทษบัญชีม้าและซิมม้าหนักขึ้น ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ

3) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคาร ตำรวจ DSI ปปง. และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และโทรคมนาคม สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันโดยไม่ติด PDPA เพื่อความรวดเร็ว ป้องกันหรือจำกัดความเสียหายให้ประชาชน

นอกจากนี้ ธปท. มีมาตรการป้องกันความเสี่ยง และปิดช่องโหว่ภัยทางการเงิน โดยได้กำหนดแนวปฏิบัติขั้นตํ่าให้ทุกสถาบันการเงินปฏิบัติตาม รวมทั้งให้ประชาชนระวังภัยทางการเงิน จากมิจฉาชีพหลอกลงทุนด้วยผลตอบแทนสูงเกินจริง ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อแอป และชื่อผู้ให้บริการ จากเว็บไซต์ ธปท. ในหัวข้อ “เช็กแอปเงินกู้” และยังมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์กระทรวง การคลัง ซึ่งรวบรวมรายชื่อผู้ให้ บริการสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ไว้ในที่เดียว

นางพรวิภา กล่าวตอนท้ายว่า ขอยํ้าว่า ธปท. ไม่ติดต่อประชาชน ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันบนมือถือเพื่อโอน หรือโทรศัพท์เพื่อขอให้แชร์หน้าจอทุกกรณี อย่าหลงเชื่อ ต้องไม่กด ไม่โอน และปกป้องข้อมูลส่วนตัว 

นภาพร ขัติยะ/รายงาน
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,887 วันที่ 14-17 พฤษภาคม พ.ศ.2566