พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีปัญหาหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ว่า ที่ผ่านมารับทราบถึงการหารือกันระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) กับบริษัทเอกชน แล้ว
ทั้งนี้ยอมรับว่า เรื่องดังกล่าว ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย และต้องดูว่าอยู่ในความรับผิดชอบของใครด้วย ส่วนรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการตามกฎหมายและตามกรอบอำนาจของรัฐบาลทุกประการ
ส่วนกรณีดังกล่าวว่า จะต้องรอจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธว่า ยังไม่ทราบ ก็สุดแล้วแต่ว่าได้มีการหารือกันมีผลอย่างไร โดยที่ผ่านมาทราบว่ามีการพูดคุยกันถึงเรื่องการใช้จ่ายหนี้สินก็ว่ากันไป เพราะทั้งหมดอยู่ในกรอบอำนาจของผู้ว่าฯ กทม.
“ที่ผ่านมาตามมติครม. ก็มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อยังดำเนินการไม่ได้ ก็ต้องแก้ปัญหาต่อไป ซึ่งก็เป็นเรื่องกทม.ที่ต้องหาทางในการแก้ปัญหาว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป ส่วนจะถึงรัฐบาลหรือเปล่านั้นก็ต้องไปดูอีกทีว่าไหวหรือไม่ไหว และเราควรจะทำได้แค่ไหนอย่างไร”
นายกฯ ยอมรับว่า รัฐบาลต้องการให้มีการแก้ปัญหาให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการตามกฎหมายมาโดยตลอด แต่ยังมีปัญหาพันกันอยู่หลายเรื่อง เรื่องของกฎหมาย ข้อตกลง และความรับผิดชอบ ซึ่งจะต้องหาทางแก้ต่อไป
ทั้งนี้ภายหลังจากการประชุมครม. มีรายงานข่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นานกว่า 20 นาที ซึ่งคาดว่าน่าจะหารือถึงกรณีหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวด้วย
โดยก่อนหน้าการประชุมครม. วันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของ กทม. และคงต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณา โดยเห็นว่า กทม. กำลังพยายามจะหาแนวทางที่จะดูแลเรื่องนี้ หลังจากที่ได้มีการทำเรื่อง มาถึง ครม. แต่ ครม. คงไม่สามารถจะพิจารณาได้ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงจะต้องรอรัฐบาลใหม่
“หนี้สินในแต่ละปีจะใช้เงินจำนวนเท่าใด เหลือทางออกทางเดียวคือ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่จะพิจารณา ตอนนี้ภาระหนักจึงตกที่บริษัทฯ เพราะยังต้องเดินรถ ให้บริการประชาชน ส่วน กทม. ก็ยังไม่มีความสามารถที่จะจ่ายหนี้สิน แต่ก็คิดว่าจะต้องหาทางแก้ไขอยู่แล้ว”