นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม เปิดเผยว่า ปี 2566 ดีพร้อมจะมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะบุคลากรภาคอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และบริการทั้งการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก การใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์
รวมถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายและสร้างโอกาสทางการตลาดเพื่อการเติบโตที่ก้าวกระโดดและยั่งยืนสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมและพัฒนาผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ จำนวนไม่น้อยกว่า 250 กิจการ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่น้อยกว่า 100 ผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่าจะสามรถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไม่น้อยกว่า 250 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดีพร้อม ได้ดำเนินการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะบุคลากร การยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการ การนำความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และบริการ การผลิตเนื้อหา (Content) ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค
โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในสาขาบันเทิง ภาพยนตร์ และละคร ซึ่งดีพร้อมได้ดำเนินโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมดีพร้อมผ่านบทละครเชิงสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาทักษะให้แก่นักเขียนบทละครหรือผู้ที่สนใจให้สามารถสอดแทรกเนื้อหาสะท้อนให้เกิดการสร้าง Soft Power และกระแสนิยม
อีกทั้งยังเกิดการกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ อาทิ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และผลักดันให้เกิดการบริโภคและสร้างความต้องการให้สินค้าไทย ซึ่งจะสามารถลดปัญหาด้านผลิตผลล้นตลาด เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอนาคตต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ เพื่อยกระดับไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์แบบ Next Gen ประกอบด้วย
รวมถึงยังมีการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมไปพร้อมกัน เพื่อให้สอดรับกับนโยบาย BCG Economy (Bio-Circular-Green Economy) หรือโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Up-Cycling Up-Creation in Circular Economy) โดยการผลิต ออกแบบ และแปรสภาพวัสดุเหลือใช้จากการอุปโภคและบริโภคในท้องถิ่น
และวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการต่อยอด พัฒนาวัสดุ และออกแบบผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ (DIPROM Cross Material Design) เพื่อส่งเสริมและพัฒนา SME ให้มีความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์และการออกแบบร่วมกันจนสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ระหว่างธุรกิจ ก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและตอบสนองความต้องการของตลาดได้
นายใบน้อย กล่าวอีกว่า จากกระแส Soft Power ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมากผ่านหลากหลายภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมบันเทิง อาหาร แฟชั่น ศิลปะการแสดง และการท่องเที่ยว นำมาซึ่งวลี “A Must Item” ของชาวต่างชาติเมื่อมาเยือนไทย อาทิ กางเกงช้าง ผัดไทย ข้าวเหนียวมะม่วง มวยไทย และจากการจัดอันดับ Global Soft Power Index 2022 ประเทศไทยจัดอยู่อันดับที่ 35 จาก 120 ประเทศทั่วโลก และอันดับที่ 6 ในเอเชีย
ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามและความสำเร็จก้าวแรกในการผลักดัน Soft Power ของไทย โดยกลไกขับเคลื่อนสำคัญ คือ การใช้ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี