สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 85 เซนต์ หรือ 1.20% ปิดที่ 69.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 76 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 74.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปจนถึงสิ้นเดือนส.ค. ขณะที่รัสเซียประกาศว่าจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย และการปรับลดการส่งออกน้ำมันของรัสเซียจะทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลง 1.5%
แต่ราคาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก หลังมีรายงานว่าภาคการผลิตในหลายประเทศอ่อนแรงลง ซึ่งรวมถึงสหรัฐและจีน
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 46.3 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 48.4 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 2
ขณะที่ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยไฉซินและเอสแอนด์พี โกลบอลระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของจีนอยู่ที่ระดับ 50.5 ลดลงจากระดับ 50.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของจีนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงอย่างมาก
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.
* ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันอังคารที่ 4 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐ *