นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงประเด็นเรื่องงบปี 67 ว่า หากล่าช้า 6 เดือนตามที่กระทรวงการคลังออกประเมิน และเงินลงทุนจะหายไป 1.4 แสนล้านบาท ย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ เนื่องจากการใช้จ่ายจากภาครัฐถือเป็นเครื่องยนต์หลัก 1 ใน 2 ของประเทศนอกจากการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่เวลานี้การใช้จ่ายของเอกชนเองก็ค่อนข้างตึงตัว ไม่มีการลงทุนเพิ่มเติม ส่วนภาคประชาชนเองก็มีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน
"ภาคเอกชนนั้น หากจะลงทุนเพิ่มเติมก็ต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาล หากยังเป็นสถานการณ์ที่เลื่อนลอยก็จะไม่กล้าตัดสินใจลงทุน"
อย่างไรก็ดี จากการประชุมร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ครั้งล่าสุด ที่ประชุมเองก็แสดงความเป็นห่วงเรื่องการใช้เงินงบประมาณจากภาครัฐ ต้องการให้มีการนำเงินดังกล่าวมากระตุ้นเศรษฐกิจ นำมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น หรือเรียกว่าเป็นปัจจัยแห่งความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง
ภาคอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มของสินค้าวัสดุก่อสร้าง ก็หวังให้ภาครัฐมีงบมาซ่มแซมถนน สร้างโครงการอื่น เพราะหากไม่มีงบก็ขายสินค้าไม่ได้ เนื่องจากส่งออกก็ไม่ดี ในประเทศก็ไม่รู้จะขายให้กับผู้ใด จะอยู่อย่างไร เวลานี้ต้องยอมรับตามตรงว่าค่อนข้างซีเรียส
ยิ่งเวลานี้การส่งออกก็ไม่ค่อยจะสู้ดีล่าสุดยังติดลบอยู่ 2% ก็จะยิ่งมีปัญหา โดยภาคการส่งออกปัจจุบันรอ 2 เรื่อง ได้แก่
"หากรัฐบาลใหม่ยังไม่มา เศรษฐกิจก็จะไม่มีการขับเคลื่อน หรือเดินหน้าแบบล่าช้า เพราะข้าราชการประจำเองก็คงจะไปขับเคลื่อนไม่ได้อย่างแน่นอน การส่งออกก็จะยิ่งแย่"