กรณีประเด็นร้อนการซื้อขายที่ดินของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริเวณถนนสารสิน มูลค่ากว่า 1,570 ล้านบาท ในช่วงที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน นั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของแสนสิริ ซึ่งที่ผ่านมานายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแถลงข่าว และตั้งข้อสังเกตว่า อาจเข้าข่ายนิติกรรมอำพรางเกี่ยวกับการจ่ายภาษีนั้น
ล่าสุดแหล่งข่าวจาก บมจ.แสนสิริ ระบุข้อมูลกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา นายชูวิทย์ ได้เคยมาเสนอขายที่ดินในซอยสุขุมวิท 24 ด้านหลังของโรงแรมเดอะเดวิส ให้กับบมจ.แสนสิริ ในราคาประมาณ 2,000 ล้านบาท และได้มีการต่อรองราคาเหลือ 1,800 ล้านบาท
พร้อมทั้งมีการเจรจาว่า บมจ.แสนสิริ จะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวของนายชูวิทย์ไปสร้างโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด (The Standard Hotel) รวมทั้งใช้โรงแรมเดอะสแตนดาร์ด เข้าไปบริหารโรงแรมเดวิส พร้อมกับรีโนเวทโรงแรมเดวิสใหม่ด้วย
ต่อมาในการเจรจาซื้อขายครั้งนั้น บมจ.แสนสิริ ได้แจ้งข้อมูลกับนายชูวิทย์ว่า ไม่สามารถซื้อที่ดินดังกล่าวได้ เนื่องจากนายชูวิทย์ ผู้เสนอขายที่ดินยังติดเงื่อนไขหลายอย่าง และมีภาระในที่ดินแปลงดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้นายชูวิทย์ได้ขายที่ดินแปลงนี้ไปให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งไปแล้ว และมีการรับเงินมัดจำไว้แล้ว 300-400 ล้านบาท ซึ่งมีเงื่อนไขว่าจะทยอยชำระ
แต่ต่อมาบริษัทดังกล่าวไม่สามารถชำระได้ จึงทำหนังสือขยายสัญญาการจ่ายเงินออกไประยะหนึ่ง แต่หลังจากนั้นนายชูวิทย์ ได้ยกเลิกสัญญาซื้อขายที่ดินแปลงนี้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก่อนหน้านี้ลง
แหล่งข่าวระบุว่า บมจ.แสนสิริ ได้พิจารณารายละเอียดทั้งหมดแล้วเห็นว่า หากซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไปของนายชูวิทย์ ด้วยเงินถึง 1,800 ล้านบาท อาจมีความเสี่ยงกับปัญหาเรื่องสิทธิเพราะเป็นการยกเลิกฝ่ายเดียว ทั้งที่มีการลงนามข้อตกลงกันไว้แล้วก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันที่ดินแปลงดังกล่าวของนายชูวิทย์ ยังมีใบอนุญาตที่เคยขอสร้างโรงแรมไว้ก่อนหน้านี้มาร่วม 27 ปี และอาจจะเกิดปัญหาในการลงทุนได้ จึงยกเลิกการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าวจากนายชูวิทย์