วันนี้ (8 สิงหาคม 2566) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการปรับเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลตามกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ.2563 จากเดิม 50,000 บาท เป็น 65,000 บาทโดยออกเป็นร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่..) พ.ศ.....
สำหรับกรณีดังกล่าว เป็นการกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย จากเดิม 50,000 บาท เป็น 65,000 บาท และแก้เงื่อนไขลักษณะการบาดเจ็บรุนแรงของศีรษะ จากเดิมบาดเจ็บรุนแรงของศีรษะและต้องได้รับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ เป็นบาดเจ็บอย่างรุนแรงของศีรษะ
ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงและช่วยให้ลูกจ้างเข้าถึงสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ลดความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกจ้าง
ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ยังครอบคลุมผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บจนเกิด ภาวะไม่รู้สึกตัว หรืออัมพาตที่มีค่าใช้จ่ายสูงสามารถเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎกระทรวงข้อนี้ได้ เช่น อาการบาดเจ็บที่มีลักษณะ หรือการรักษา ดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานรายงานว่า ปัจจุบัน มีวิธีการรักษาการบาดเจ็บรุนแรงของศีรษะ ด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ เช่น การเจาะกะโหลกศีรษะเพื่อระบายเลือด และน้ำในสมองออก หรือการรักษาด้วยยาอาจมีค่าใช้จ่ายสูงได้ หากต้องมีการสังเกตอาการ ในห้องดูแลผู้ป่วยหนัก (Intensive Care Units หรือ ICU) เป็นระยะเวลานาน ซึ่งวงเงินเดิมที่ 50,000 บาท อาจจะไม่เพียงพอ
ดังนั้น การปรับเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว เป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกจ้างในการได้รับค่ารักษาพยาบาลตามความเหมาะสมแก่อันตราย หรือความเจ็บป่วยเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกจ้าง โดยกระทรวงแรงงาน ได้ประมาณการผลกระทบต่อสถานะของกองทุนเงินทดแทนที่เพิ่มขึ้น รายจ่ายในส่วนของค่ารักษาพยาบาลระหว่างปี 2566-2567 ประมาณ 2,270 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานและนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความตั้งใจสร้างความเป็นธรรม ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะด้านค่ารักษาพยาบาลถือเป็นของขวัญวันแม่ให้กับนายจ้าง ลูกจ้างทั่วประเทศด้วย