นายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวถึง มูลค่าการค้า-การลงทุน ชายแดนไทย-เมียนมา ด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี ว่า มูลค่าการค้าในปี 2566 น่าจะลดลงจากปี 2565 ที่ผ่านมา ทั้งยอดส่งออกและนำเข้า ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น จากสภาวะเศรษฐกิจ โดยภาพรวมที่ถดถอย
รวมทั้งเป็นผลจากรัฐบาลเมียนมามีการเข้มงวดในการจัดเก็บภาษี เพราะทราบมาว่าเงินสำรองในเมียนมาหมด จึงต้องเข้มงวดเพื่อเก็บภาษีนำเงินเข้ารัฐให้มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรข้าวโพด ส่งออก ที่รัฐบาลให้นโยบายพ่อค้า นักธุรกิจ ชาวเมียนมา ต้องใช้วิธีการโอนเงินเข้าธนาคาร ให้ระบบการเงินผ่านธนาคาร เพื่อหักภาษีจากพ่อค้า
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย ในพื้นที่ มีผลทำให้การส่งสินค้าผ่านแดนไปยังเมืองต่างๆในเมียนมา พ่อค้าขนส่งได้ยากลำบากขึ้น ทำให้ปริมาณยอดการสั่งซื้อ-ขาย ลดลง เพื่อลดความเสี่ยง จากเหตุการณ์สู้รบ
อีกปัจจัยคือขณะนี้มีฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยหลายจุด มีถนนเส้นทางต่างๆจากชายแดนไปยังพื้นที่ชั้นในมีเส้นทางขาด สะพานชำรุดเสียหาย ซึ่งมาจากอุทกภัย ทำให้การขนส่งลำเลียงสินค้าลดลง ในช่วงนี้เพราะเส้นทางระบบคมนาคมถูกตัดขาด หลายแห่ง
ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศไทย ช่วงที่กำลังจะมีการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาล และผู้นำประเทศ ทำให้ฉุดเศรษฐกิจลง และเศรษฐกิจจะชะลอตัวหรือลดลง เนื่องจากการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทั้งการจัดตั้งของขั้วการเมืองต่างๆ การย้ายค่าย การเปลี่ยนข้าง ฯลฯ
จากการติดตามข่าวสารการเมือง นั้นทำให้นักธุรกิจ นักลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังไม่มีความมั่นใจที่จะลงทุนในธุรกิจใหญ่ๆ เพราะยังไม่ทราบนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาล อีกทั้งยังไม่ชัดเจนว่า พรรคการเมืองใด จะได้เป็นรัฐบาล
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับมูลค่าการค้าชายแดน ด่านศุลกากรแม่สอด-เมียวดี ระหว่าง วันที่ 1 ตุลาคม 2566- วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 มูลค่าส่งออก 83,580,245,158.65 บาท และ มูลค่านำเข้า 13,607,432,744.86 บาท