จากกรณี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตรียมออกกฎหมายฉบับรองเป็นร่างกฎกระทรวง เพื่อนำมาใช้ควบคุมการโฆษณาขาย เครื่องราง ของขลัง หรือให้บริการ ผ่านสื่อต่าง ๆ หลังพบมีการโฆษณาอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่มักใช้ข้อความที่ยากต่อการพิสูจน์ อวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง เช่น เสริมโชคลาภบารมี หรือทำให้หายจากการเจ็บปวด จนทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อและได้รับความเสียหายหรืออันตรายจากการใช้สินค้าหรือบริการดังกล่าว
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันหรือระงับยับยั้งไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบหรืออาจเกิดอันตรายกับผู้บริโภค ที่เกิดจากการใช้สินค้าหรือบริการจากการโฆษณาขายเครื่องราง ของขลัง หรือให้บริการ สคบ.จึง ยกร่างกฎมายเข้ามาควบคุมการโฆษณาขายเครื่องราง ของขลัง ขึ้น
ฐานเศรษฐกิจตรวจสอบข้อมูลของร่างกฎหมายฉบับดังล่าว ของสคบ. ซึ่งออกเป็น ร่างกฎกระทรวงกำหนดข้อความโฆษณาเครื่องราง ของขลัง หรือบริการ ที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม พ.ศ. .... มีเนื้อหาดังนี้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 และมาตรา 22 วรรคสอง (5) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 นายกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงไว้
โดยในกฎกระทรวงนี้ ได้กำหนดคำนิยามของ เครื่องราง ของขลัง หรือบริการ ประกอบด้วย
“เครื่องราง” หมายความว่า สิ่งของหรือวัตถุที่โฆษณาว่าเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตราย หรือทำให้รอดปลอดภัย
“ของขลัง” หมายความว่า สิ่งของหรือวัตถุที่โฆษณาว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มีพลังหรือ มีอำนาจ บันดาลให้สำเร็จผลดังประสงค์
“บริการ” หมายความว่า การรับจัดทำการงาน หรือกระทำการใด ๆ โดยเรียกค่าตอบแทน ๆ เป็นเงินหรือผลประโยชน์อื่น ที่โฆษณาว่าทำเพื่อคุ้มครองป้องกันอันตราย หรือทำให้รอดปลอดภัย หรือ ทำเพื่อให้มีความศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้สำเร็จผลดังประสงค์
พร้อมกันนี้ยังกำหนดให้ข้อความตามที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้ เป็นข้อความโฆษณาสินค้าหรือบริการ ที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมส่วนรวม ตามมาตรา 22 วรรคสอง (5)
รวมทั้งข้อความโฆษณาเครื่องราง ของขลัง หรือบริการ ที่เชิญชวนหรือชักจูงให้ผู้บริโภค ซื้อเครื่องราง ของขลัง หรือรับบริการ โดยอาศัยความเชื่อหรือศรัทธาส่วนบุคคลของผู้บริโภคซึ่งไม่สามารถ พิสูจน์ได้ด้วยหลักเหตุผลหรือกระบวนการพิสูจน์ที่เป็นที่ยอมรับ ดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ให้กฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
แหล่งข่าวจาก สคบ. ระบุว่า การจัดทำร่างกฎหมายฉบับนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2566 และในขั้นตอนต่อจากนี้ จะนำความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไปพิจารณา ปรับปรุง และแก้ไขให้ร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวเกิดความเหมาะสมต่อไป