สศช. ปัดขึ้นภาษีแวต 10% แค่แนวคิด ยังไม่มีข้อเสนอชงรัฐบาลใหม่

28 ส.ค. 2566 | 04:41 น.
อัพเดตล่าสุด :28 ส.ค. 2566 | 04:45 น.

เลขาธิการ สศช. ยันข้อเสนอการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีแวต) เป็น 10% เป็นแค่เพียงแนวคิดจากเวทีสัมมนา ยังไม่มีการเสนอให้ใครพิจารณา รับยังมีระเบียบ และข้อกฎหมายอื่น ๆ ที่ต้องปรับปรุง

วันนี้ (28 สิงหาคม 2566) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าว สศช.มีข้อเสนอในการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ภาษีแวต จากปัจจุบันอยู่ที่อัตรา 7% เป็น 10% โดยนำส่วนเพิ่ม 3% ไปส่งเสริมเงินออมวัยเกษียณ ว่า กรณีดังกล่าวเป็นแค่เพียงแนวคิดจากเวทีสัมมนา ยังไม่มีการเสนอให้ใครพิจารณา

ทั้งนี้ยืนยันว่า เรื่องการปรับขึ้นภาษีแวต 10% นั้น ที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่แนวคิดจากเวทีเสวนา “ข้ามรุ่น อนาคตประเทศไทย” จัดโดย สศช. ร่วมกับกองทุนประชากรแห่งประเทศไทย (UNFPA) ซึ่งได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวขึ้นจากคณะกรรมการปฏิรูปด้านสังคม ถือเป็นแนวทางหนึ่งของการช่วยส่งเสริมเงินออมวัยเกษียณ และเป้นทางเลือกหนึ่งของการจัดทำสวัสดิการเท่านั้น

“เรื่องนี้เป็นแค่แนวความคิด ยังไม่มีเสนอกับใคร เป็นไอเดียหนึ่งในงานสัมมนาเท่านั้น ยังอาจมีทางเลือกอื่น ๆ ในอนาคต แต่ถ้าจะทำจริงก็คงไม่เร็ว เพราะมีเรื่องของระเบียบ และข้อกฎหมายอื่น ๆ ที่ต้องปรับปรุงด้วย”

ก่อนหน้านี้ นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงประเด็นที่มีข่าวเสนอถึงแนวทางการแก้ปัญหาการออมสำหรับผู้สูงอายุ ที่จะปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% โดยในส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอีก 3% นั้นจะออกกฎหมายเฉพาะ โดยกระทรวงการคลัง ขอยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามแนวคิดดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ในงานเสวนา “ข้ามรุ่น อนาคตประเทศไทย” น.ส.วรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการ สศช. กล่าวตอนหนึ่งในงานเสวนาว่า การส่งเสริมการออมเงินสำหรับผู้สูงอายุนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง

โดยที่ผ่านมามีการนำเสนอรูปแบบการออมสำหรับผู้สูงอายุหลายรูปแบบ โดยรูปแบบหนึ่งที่มีการเสนอผ่านคณะกรรมการปฏิรูปด้านสังคม และ สศช.เห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีคือการปรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากอัตราที่ปรับลดอยู่ 7% เป็น 10%

โดยในส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอีก 3% รัฐบาลอาจออกกฎหมายเฉพาะมาเพื่อนำเงินที่รัฐเก็บภาษีในส่วนนี้มาเป็นเงินออมของประชาชน เพื่อใช้ในวัยเกษียณซึ่งจะทำให้ประชาชนไทยมีเงินออมไว้ใช้สำหรับการเกษียณอายุ