นางสาววารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรณีที่พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะมีผลบังคับใช้ล่าช้าออกไป 8 เดือนนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 เนื่องจากยังสามารถใช้งบไปพลางก่อนได้ ในส่วนของงบดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นการเบิกจ่ายโครงการเดิม ส่วนโครงการใหม่ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว จะต้องรอพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 มีผลบังคับใช้ โดยสำนักงบประมาณก็กำหนดให้สามารถใช้งบไปพลางก่อนได้ 8-9 เดือน
ทั้งนี้ เพื่อให้แผนการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมายนั้น หากเป็นการเบิกจ่ายงบประจำสามารถทำได้ 100% อยู่แล้ว แต่ในส่วนของรายจ่ายลงทุนที่เป็นโครงการเดิมนั้น กรมบัญชีกลางได้มีการวางแผนการเบิกจ่ายเพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นรายไตรมาสอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายทั้งรายเดือนด้วย
ส่วนโครงการใหม่ที่จะต้องใช้งบประมาณตามพ.ร.บ.งบปี 67 นั้น กังวลว่าจะมีการไปกระจุกตัวเบิกจ่ายอยู่ที่ช่วงไตรมาส 3-4 หรือไม่ นางสาววารี กล่าวว่า ระหว่างที่ใช้งบไปพลางก่อนนี้ หน่วยงานรับทราบสถานการณ์ โดยกรมได้มีการประชาสัมพันธ์ ให้หน่วยงานเตรียมความพร้อมรองรับไว้แล้วสำหรับการดำเนินการโครงการใหม่เพื่อใช้งบประมาณรายจ่ายลงทุน ทั้งในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง การร่างเอกสารต่างๆ เป็นต้น
“เรามองว่าพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้าออกไป 8 เดือนไม่มีผลกระทบต่อการเร่งรัดเบิกจ่าย เพราะเรามีการเบิกจ่ายเท่ากับงบพลางก่อน และเบิกจ่ายตามงบของงบประมาณใหม่ ขณะเดียวกัน เราได้ก็มีการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานเตรียมความพร้อมการประมูล และหน่วยงานที่มีโครงการใหม่ก็ให้เตรียมไว้ก่อน เช่น การทำร่าง TOR เอกสารประกวดราคา หากงบประมาณปี 67 ผ่านขั้นตอนกรรมาธิการในสภาฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว กรมก็จะออกหนังสือเวียนไปยังหน่วยงาน เพื่อแจ้งให้เตรียมความพร้อม และสามารถดำเนินการไปได้เลย”
ขณะที่การจ่ายเงินตามโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงที่งบประมาณปี 67 ยังไม่มีผลบังคับใช้นั้น ไม่มีผลกระทบกับการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการ เนื่องจากโครงการดังกล่าวใช้งบประมาณกลาง โดยมีเม็ดเงินในกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึ่งกรมบัญชีกลางจะมีการจ่ายเงินให้ผู้ได้รับสิทธิทุกเดือนตามปกติ