วันนี้ (13 กันยายน 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นประธาน การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก ภายหลังจากได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น โดยการประชุมครม. วันนี้ มีวาระที่น่าสนใจเสนอเข้ามาหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่เสนอเข้ามายังที่ประชุมเพื่อพิจารณา
สำหรับวาระสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย นโยบายการลดค่าพลังงาน เช่น ราคาไฟฟ้า ราคาน้ำมัน นโยบายพักหนี้เกษตรกร นโยบายด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมาตรการวีซ่า และการนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนยันหลายครั้งว่า ในการประชุมครม. นัดแรก วันที่ 13 กันยายน นี้ ที่ประชุมจะหารือถึงนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจแน่นอน ทั้งการลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า การพักหนี้ และมาตรการด้านวีซ่า เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจ โดยสรุปได้ดังนี้
ที่ประชุมเตรียมพิจารณาแนวทางการลดค่าครองชีพด้วยการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล ผ่านกลไกลของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล รวมทั้งลดราคาค่าไฟฟ้า เรื่องนี้แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่า หากเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลราคาน้ำมันดีเซลน่าจะต้องถูกปรับลดให้เหลือ 30 บาทต่อลิตร
ขณะที่การลดค่าไฟฟ้า เบื้องต้นแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุแนวทางการลดค่าไฟระยะสั้นว่า มี 2 แนวทาง คือ 1.การยืดเวลาการชำระหนี้ ให้ กฟผ.ออกไป 2.รัฐบาลจัดงบประมาณอุดหนุนค่าไฟฟ้า โดยการทำให้ค่าไฟฟ้าลดลง 1 สตางค์ ต้องใช้งบประมาณ 600 ล้านบาท
เริ่มต้นจากการพักหนี้เกษตรกรก่อนเป็นลำดับแรก โดยจะพักทั้งหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยเฉพาะลูกนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า มีแผนที่จะเสนอพักหนี้ตั้งแต่มูลหนี้ 1 แสนบาท ไปจนถึง 1 ล้านบาท
เช่นเดียวกับการเสนอมาตรการดูแลผลกระทบและรับมือกับสถานการณ์เอลนีโญ รวมไปถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรด้วย
มาตรการด้านวีซ่า ถือเป็นมาตรการเร่งรัดการท่องเที่ยวระยะสั้น โดยแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า จะมีการเสนอครม. ผลักดัน ฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า เป็นเวลา 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567
อีกเรื่องที่คาดว่าจะเสนอเข้ามายังครม. คือ เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ล่าสุด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จะเสนอครม. พิจารณาจัดสรรงบกลาง จำนวน 990 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 600 บาทต่อเดือน
อีกหนึ่งวาระที่น่าสนใจ คาดว่า ในการประชุมครม.วันนี้จะมีการเสนอการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในกระทรวงต่าง ๆ เช่น การแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลัง และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลังหลายตำแหน่ง รวมไปถึงการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ทั้ง โฆษกรัฐบาล รองโฆษกรัฐบาล รวมทั้งตำแหน่งเลขาฯรองนายกฯ เลขาฯรัฐมนตรี และผู้ช่วยรัฐมนตรี ด้วย
รวมทั้งยังมีการแบ่งงานของรองนายกฯ ทั้ง 6 คน คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร นายอนุทิน ชาญวีรกูล พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในการกำกับดูแลหน่วยงานต่าง ๆ เช่นเดียวกับ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วย
ส่วนวาระสำคัญด้านการเมือง ต้องจับตาว่า ในการประชุมครม.นัดแรกนั้น รัฐบาลจะปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที หรือไม่ โดยที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ระกาศไว้ว่า รัฐบาลจะปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แก้หมวด 1 ความมั่นคงของรัฐ และหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สำคัญจะดำรงไว้ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข