วันนี้ (12 กันยายน 2566) ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงถึงนโยบายพักหนี้ของรัฐบาลว่า รัฐบาลตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกคน โดยนอกเหนือจากปัญหาปากท้องแล้ว เรื่องของเกษตรก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องรายได้และหนี้สิน ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกวันที่ 13 กันยายน 2566 จะมีการหารือเรื่องนี้
“การพักหนี้นั้น รัฐบาลมีแนวทางที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายจะทำให้ได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยจะพักทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย พร้อมทั้งมีแผนการสร้างรายได้ ปรับเปลี่ยนการปลูก การผลิตที่ตลาดโลกต้องการ ในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งนำความรู้และเทคโนโลยีมาใช้”
สำหรับนโยบายพักหนี้ ด้วยการพักทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยนั้น นายกฯ ยอมรับว่า เป็นการฟื้นฟูจิตใจให้กับเกษตรกร เพื่อให้มีกำลังมีแรงใจแรงกายในการประกอบอาชีพ ทำการสร้างรายได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และในอนาคตจะไม่มีการเสียวินัยการเงินการคลัง เช่น การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน หรือการปลูกยาง ถ้าใช้ปุ๋ยในจุดที่ถูกต้อง จะลดจำนวนปุ๋ยที่ใช้และเพิ่มผลผลิตได้อย่างมาก ซึ่งตรงกับนโยบายเกษตรแม่นยำ
ส่วนการใช้เทคโนโลยีดาต้า ยืนยันว่า มีความจำเป็นในการถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกร ได้ไปปรับใช้ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาความรู้ให้กับเกษตรกรทั่วไปด้วย
ขณะเดียวกันในกรณีการอภิปรายเรื่องของนำเข้าหมูเถื่อน นายกฯ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้รับทราบปัญหามาก่อนหน้านี้แล้วในทุกพื้นที่ที่มีการค้าสุกรว่าเป้นปัญหาใหญ่ลามไปทั่วประเทศ ล่าสุดได้ประสานกับอธิบดีกรมศุลกากร และในวันนี้ จะเชิญเจ้าหน้าที่มาหารือ พร้อมสั่งการแก้ปัญหาโดยเร็วต่อไป
ส่วนเรื่องของรายได้ครู และข้าราชการนั้น รัฐบาลยืนยันให้ความสำคัญ และรับปากว่าจะดูแลเรื่องของรายได้ให้เหมาะสมกับงบประมาณ โดยรักษาไว้ซึ่งวินัยการเงินการคลัง