นักวิชาการ แนะ 4 ข้อเร่งดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย ก่อนแพ้เวียดนาม

17 ก.ย. 2566 | 08:00 น.

นักวิชาการ แนะ รัฐเร่ง ทำ 4 ด้านสำคัญ เพื่อเร่งดึงดูดนักลงทุนเข้าไทย ก่อนที่จะเสียความสามารถทางการแข่งขันให้เวียดนาม หลังได้ดีลแหล่งผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระ เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯกับเวียดนามบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการให้เวียดนามเป็นฐานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหญ่ของสหรัฐฯในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ดีลนี้ จะทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยตามหลังเวียดนามมากพอสมควร

ทั้งนี้เพราะความสนใจในการลงทุนจากต่างชาติจะจับจ้องไปที่เวียดนาม เสียเปรียบเรื่อง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) รวมถึงแรงงานคุณภาพจะเกิดขึ้นที่เวียดนามมหาศาล และถ้าต่อยอดได้ถูกทาง เทคโนโลยีต่าง ๆ ในอนาคต ไทยเราก็จะตามไม่ทันเช่นกัน

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจว่า ทำไมในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ถึงไม่มีการพูดถึงแผนต่าง ๆ เหล่านี้เลย ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะ 4 เรื่องที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่

  1. เร่งผลักดันนโยบาย ‘ทูตเศรษฐกิจการค้า’ เพิ่มตลาดใหม่รักษาตลาดเดิม แต่ต้องเข้าใจกฎระเบียบกติกาของโลก เช่น กฎหมายเกี่ยวกับสินค้าที่ได้มาจากการบุกรุกทำลายป่า , ภาษีคาร์บอน
  2. หน่วยงานไทยที่อยู่ในต่างประเทศต้องปรับบทบาทใหม่ ไม่ทำเฉพาะจัดงาน Event หรือ Roadshow ต้องเข้าใจสินค้าและมีข้อมูลคู่แข่งให้มากกว่านี้
  3. ปรับ KPI ของบุคลากรไทยในต่างประเทศ แนะนำแบบ Reward System ไม่ใช่ระบบ Rotate เพื่อให้ตัวแทนของไทยในต่างแดนทำผลงานมากขึ้น ตั้งเป้าเป็น ROI (Return on Investment)
  4. เร่งเจรจา FTA (Free Trade Area) เพิ่ม เพราะปัจจุบันไทยตามหลังเวียดนามแล้ว เวียดนามมี FTA 16 ฉบับ (อยู่ระหว่างเจรจาอีก 4-5 ฉบับ) ส่วนไทยมี FTA 15 ฉบับ (อยู่ระหว่างเจรจาอีก 4 ฉบับ)

สำหรับดีลการร่วมลงทุนระหว่างสหรัฐและเวียดนาม เกิดขึ้นแล้วหลายความร่วมมือ เช่น แอมคอร์ สร้างโรงงานประกอบและทดสอบชิป มูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนต.ค.นี้ , Intel สร้างโรงงานประกอบชิปทางใต้ของเวียดนาม มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เป็นโรงงานใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัท)

หรือ เวียดนาม แอร์ไลนส์ ซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 50 ลำ คิดเป็นมูลค่าราว 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และฮันนี่เวลล์ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐ จะร่วมมือกับหุ้นส่วนในเวียดนาม โครงการนำร่องเพื่อพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่แห่งแรกในเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม เซมิคอนดักเตอร์ นั้น ถือเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ผลิตชิปเซ็ต เพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบของเทคโนโลยีแทบทุกชนิด โดยในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา สหรัฐฯ นำเข้าชิปเซ็ตกว่า 4,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (165,000 ล้านบาท) ขยายตัว 17% จากปีก่อน เป็นชิปเซ็ตจากเอเชีย 83%

โดยกลุ่มประเทศอาเซียนที่ส่งออกชิปเซ็ตไปสหรัฐฯ ได้แก่ ไทย มูลค่า 421.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (14,300 ล้านบาท) เติบโต 62.3% , เวียดนาม เติบโต 74.9% และกัมพูชา เติบโต 697.9%

สำหรับ ประเทศที่ส่งออกชิปเซ็ตไปสหรัฐฯ มากที่สุดในโลก ได้แก่ มาเลเซีย สัดส่วน 20% รองลงมาคือ ไต้หวัน สัดส่วน 15.1% และ เวียดนาม ที่ครองสัดส่วน 11.6% ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขปัจจุบัน ยังไม่รวมดีลในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น