วันนี้ (4 ตุลาคม 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2024 Change the Future Today จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ตอนหนึ่งว่า การเป็นนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เป็นเซลล์แมน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งการขายสินค้าดี ๆ ของประเทศ
“ที่ผ่านมาประเทศที่แข่งขันกับไทย ทั้ง อินโดนีเซีย และเวียดนาม เขาออกไปข้างนอกเยอะมาก จริง ๆ เขาก็เป็นเซลล์แมนดี ๆ นี่เอง จึงอยากบอกว่านายกรัฐมนตรี และผู้นำสูงสุดของประเทศ หน้าที่ของผมวันนี้คือเป็นเซลล์แมน ต้องขายสินค้าดี ๆ ของประเทศให้ได้ ไปขายความเชื่อมั่นที่นักลงทุนจะให้กับประเทศไทยให้ได้ ถือเป็นหน้าที่ ถือเป็นภารกิจหลักในฐานะของเซลล์แมนเบอร์หนึ่งของประเทศที่ต้องทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น” นายเศรษฐา ระบุ
นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลวางแนวทางการขับเคลื่อนด้านการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยปรับบริบทของกระทรวงการต่างประเทศ นอกเหนือจากการจัดการพบปะพูดคุยการเดินทางมาเยือนของผู้นำประเทศแล้ว ยังต้องทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนที่ดีของประเทศด้วย โดยกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นหัวหอกสำคัญในการติดต่อ เจรจาเอฟทีเอ ควบคู่ไปกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเปิดประตูการค้าให้ได้มากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันยังมอบหมายให้ทูตไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ที่มีความสำคัญ ต้องพบปะหารือกับนักลงุทนในประเทศนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น โดยต้องไม่กลัวที่จะเจอนักลงทุน และ เอกชน รวมทั้งในการเดินทางไปเยือนประเทศต่าง ๆ ของรัฐบาลเองนั้น จะต้องไปด้วยกันในลักษณะของ “ทีมไทยแลนด์” ซึ่งเป็นบริบทใหม่ในการทำงานของรัฐบาลนี้
“เมื่อรัฐบาลเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าไม่ขัดต่อกฎหมาย หรือหลักนิติธรรมที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า รัฐบาลสามารถทำได้ รัฐบาลอยากเชื้อเชิญให้ทุกคนมีความพร้อมในการเดินทางออกไปร่วมกับรัฐบาลเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ และยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย ให้ทั่วโลกมีความมั่นใจให้กับประเทศไทย” นายกฯ ระบุ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะทำให้เรื่องนี้สำเร็จขึ้นได้ นายกฯ ยอมรับว่า จำเป็นต้องปรับแก้กฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนทำธุรกิจ โดยที่ผ่านมาจากการพบปะนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ เช่น ไมโครซอฟท์ กูเกิล และ เทสล่า บริษัทเหล่านี้ลงทุนนอกประเทศมาก่อน และแต่ละประเทศที่ไปลงทุนก็มีกฎหมายตั้งอยู่บนหลักการสากลนานาชาติ แต่การมาลงทุนในไทย ยังติดขัดเงื่อนไขและหลักการบางอย่างที่ไม่เป็นนานาชาติ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องกลับมาดูว่าจะหาทางทลายกำแพงเหล่านี้ได้อย่างไร เพื่อทำให้นักลงุทนมีความมั่นใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
นายกฯ กล่าวด้วยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังได้หารือกับผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เห็นว่า ตลท.เป็นตลาดที่แข็งแกร่ง ต่อไปจะต้องเป็นศูนย์กลางของการลงทุนในภูมิภาค โดยอยากให้ ตลท. หาทางดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยให้ได้ และเมื่อเดินทางไปโรดโชว์ก็อยากให้นำคณะไปชักชวนการลงทุนเข้ามาในประเทศ ผ่านการอธิบายสถานะต่าง ๆ ของประเทศด้วย
นอกจากนี้ในด้านการพัฒนาพลังงานสะอาดนั้น นายกฯ ยอมรับว่า ในการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 78 หรือ UNGA 78 หลายประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสะอาดเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศไทยเองยังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะการส่งเสริมพลังงานสีเขียวเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ นอกเหนือไปจากการมีสิทิประโยชน์ทางด้านการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เพียงอย่างเดียว